เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง หายปริศนา 3 ลำ พร้อมน้ำมัน 3 แสนลิตร เกิดขึ้นได้อย่างไร “เดลินิวส์ออนไลน์” เปิดไทม์ไลน์นับแต่จับเรือจนวันล่องหน พร้อมบทสรุปตำรวจน้ำคืนเฝ้ายาม
ย้อนคดีต้นเรื่องเกิดขึ้นช่วงเดือน มี.ค. 67 ตำรวจสอบสวนกลางและกรมศุลกากร จับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนไว้ 5 ลำ ก่อนประสานตำรวจน้ำ เคลื่อนจากอ่าวไทยไปจอดควบคุมไว้ ณ ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี
กระทั่งมีแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ถึงคลื่นลมทะเลสูงช่วงวันที่ 5-9 มิ.ย. จึงมีการสั่งนำเรือของกลางไปทอดสมอห่างฝั่ง 100 เมตร ลดผลกระทบคลื่นลมทะเลที่อาจทำให้เรือเสียหาย กำหนดนำเข้าท่าอีกครั้งเช้าวันที่ 10 มิ.ย. โดยวันที่ 11 มิ.ย. เวลาประมาณ 19.00 น. กล้องวงจรปิดยังพบภาพเรือลอยลำปกติ
แต่ถัดมาไม่นาน เวลา 20.10 น. พบไฟเรือ 3 ลำถูกดับ และเปลี่ยนทิศแล่นห่างฝั่งไปจนลับตา จวบจนเช้าพบเรือของกลางลอยลำเพียง 2 ลำ ส่วนอีก 3 ลำ พร้อมลูกเรือ 15 คน หายไป
หลังทราบเรื่อง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งย้าย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. พร้อมตำรวจน้ำอีก 3 นาย รวมเป็น 4 นาย ไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการสอบสวนกลาง เหตุบกพร่องต่อหน้าที่ ปล่อยเรือของกลางหายจากการควบคุม
ขณะนั้นแนวทางสืบสวนทราบว่าเรือ 3 ลำ มุ่งหน้าน่านน้ำเพื่อนบ้าน จึงประสานทั้งกัมพูชา มาเลเซีย และเวียดนาม โดยมีข้อมูลหนึ่งในเรือที่หาย มีการเปลี่ยนสีใหม่เพื่ออำพราง พร้อมคาดการณ์น้ำมันของกลางน่าจะถูกนำไปขายแล้ว
วันที่ 16 มิ.ย. เวลาประมาณ 06.00 น. ตำรวจรับแจ้งจากเรือประมงเครือข่าย พบเรือของกลางที่หายไปทั้ง 3 ลำ บริเวณพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะที่ลูกเรือชำนาญพื้นที่อยู่แล้ว โดยอยู่ห่างฝั่งจังหวัดสงขลาราว 90 ไมล์ทะเล เมื่อออกพิสูจน์ พบเป็นเรือที่หายไปจริง มีลูกเรือเหลือ 8 คน อีก 7 คน หายตัว
ต่อมามีการเผยแพร่แชตข้อความอ้างเป็นคนสนิท “เสี่ยโจ้” นายสหชัย เจียรเสริมสิน ลักษณะพูดคุยกับตำรวจเรื่องส่วยเรือบรรทุกน้ำมัน โดยจะคุยไลน์กับ ผกก. อักษรย่อ “น หนู” ทำหน้าที่หลักเป็น “พ่อบ้าน“ มีข้อความแชต เช่น “ผมอยู่เมืองนอกคุยกับผมคนเดียวจบ” จากแนวทางสืบสวนตำรวจระบุ “เสี่ยโจ้” อยู่กัมพูชา
นอกจากนี้ ยังมีข้อความสนทนาคล้ายตัดพ้อ ทั้งที่มีการดูแลกันมาแต่กลับถูกจับกุม โดยหนึ่งในข้อความตอบกลับจากอีกฝั่งอ้างเป็นเพียงตัวเล็กๆ ที่ต้องทำตามคำสั่ง ในแชตยังมีข้อความลักษณะพาดพิงตำรวจยศสูงระดับ “พล.ต.ท.” ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับส่วย
ขณะที่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคำสั่งย้ายเพิ่มเติมระดับผู้บังคับบัญชา 1 ราย คือ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นการชั่วคราว โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม
ความคืบหน้าการสะสางปัญหานี้ล่าสุด พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้คำมั่นการออกหมายจับไม่ว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ไม่ว่าส่วนไหนก็ต้องถูกออกหมายจับทั้งหมด และคดีจะจบภายในปีนี้แน่นอน พร้อมย้ำขอเวลาอีกสักพัก จะนำขบวนการออกมาแฉทั้งหมด
ขณะที่การประชุมติดตามความคืบหน้าเรือของกลางหายในวันนี้ (10 ก.ค.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ออกมาระบุว่า จากการขยายผลผู้เกี่ยวข้องตามพยานหลักฐานจะมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในระดับผู้วางแผนในการนำเรือออกจากท่าจำนวน 6 คน ภายในสัปดาหน้า ส่วนเสี่ยโจ้ ที่มีข้อสังเกตมีนักการเมืองระดับชาติหนุนหลัง ยืนยันไม่กังวลหากหลักฐานไปถึงต้องดำเนินคดี ขณะที่ลูกเรืออีก 7 คน ที่หลบหนีไปก่อนหน้า ทราบว่าหนีขึ้นเรือไปอีกลำ และยังอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี
สรุปคดีเรือของกลางล่องหน ผ่านไป 1 เดือน มีคำสั่งย้ายตำรวจไปแล้ว 5 นาย กลับกัน ตัวการเบื้องหลังอีกฝั่งยังคว้าไม่ได้สักคน มีเพียงการออกมาเผยว่า จ่อขอออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ที่ต้องจับตาว่าในจำนวนนี้จะปรากฏชื่อเสี่ยโจ้รวมอยู่ด้วยหรือไม่.