เรียกได้ว่าเป็นภาพที่กลายเป็นไวรัลเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 67 อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant ว่า “วังน้ำเขียว เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลกจริงหรือไม่”

อาจารย์เจษฎา เผยข้อความว่า วังน้ำเขียว เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก มันอุปโลกน์กันมายังไง หรือ จับแพะชนแกะมากๆ คือความเชื่อผิดๆ ว่า การไป “สูดโอโซน (O3)” คือ การสูดอากาศบริสุทธิ์ มีออกซิเจน (O2) สูง (ทั้งที่โอโซน เป็นก๊าซพิษอันตราย ไม่ใช่ก๊าซออกซิเจนที่เราใช้หายใจ) คือ มันมีมานานแล้ว ตั้งแต่ในต่างประเทศแล้วอย่างในยุควิกตอเรีย เมื่อ 100 กว่าปีก่อน คนอังกฤษก็ชอบบอกว่า ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะล คือ การไปสูดโอโซน โดยคิดว่ากลิ่นแปลกๆ ของทะเลนั้น มาจากก๊าซโอโซน (ซึ่งความจริงแล้วเป็นกลิ่นของ ไดเมทิลซัลไฟด์ (dimethyl sulfide) จากแพลงก์ตอนในทะเล) ซึ่งความเชื่อผิดๆ นั้น คงกระจายมาจนถึงประเทศไทยเราแต่ยังไม่แพร่หลายมาก จนกระทั่งมามีกระแสโปรโมตให้ไปเที่ยว “วังน้ำเขียว แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” ตัวอย่างเช่น ข้อความนี้ (ซึ่งเอามาจากข่าวหนังสือพิมพ์) วังน้ำเขียว หลายคนเรียกว่า “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” อากาศสดชื่น เหมือนยืนอยู่บนเนินเขา เพราะวังน้ำเขียวเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก โดยมีการวัดกันที่ มณฑลชีวสงวน สะแกราช โดยองค์การยูเนสโก ปัญหาคือ นอกจากเรื่อง โอโซนเป็นก๊าซพิษ อย่างที่เราทราบกันแล้ว ยังมีเรื่องที่สงสัยกันว่า จริงเหรอที่วังน้ำเขียว ถูกจัดอันดับโดยองค์การยูเนสโก UNESCO ว่าเป็นอันดับ 7 ของโลกจริงหรือ คำตอบคือ ไม่จริง เพราะองค์การยูเนสโกไม่ได้มาวัดโอโซนจัดอันดับอะไรทำนองนั้น แต่เป็นการเชื่อมโยงกันมั่ว จับแพะชนแกะกันไปหมด โดยเรื่องมันเริ่มจากที่ เมื่อหลายปีก่อน

อาจารย์เจษฎา ยังเผยข้อความอีกว่า มีรายงานการค้นพบ เฟิน (fern) พันธุ์หายาก ที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมาแล้ว เนื่องจากเฟินดังกล่าวนั้น เป็นตัวชี้วัดคุณภาพอากาศได้ดี โดยจะขึ้นได้ในพื้นที่ที่อากาศบริสุทธิ์เท่านั้น จึงเป็นจุดขายให้นำมาโปรโมตวังน้ำเขียว ได้ว่าเป็นพื้นที่น่าท่องเที่ยว แต่แทนที่จะโปรโมตว่า อากาศบริสุทธิ์เฉยๆ ก็ไปใช้คำว่า “เป็นแหล่งโอโซน” โดยตามความเข้าใจผิดๆ ว่าโอโซน คือ อากาศบริสุทธิ์ แค่นั้นยังไม่พอ มันมีการไปเชื่อมโยงเรื่อง “อันดับ 7 ของโลก” และ “องค์การยูเนสโก” ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย เพราะความจริงคือ ใน พ.ศ. 2519 สถานีวิจัยสะแกราช ได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็น พื้นที่สงวนชีวมณฑล (Biosphere Reserve) ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และเป็น 1 ใน 7 ของเอเชีย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการจัดอันดับแหล่งโอโซนมั่วกันไป มันเลยกลายเป็นกระแสโปรโมตผิดๆ ว่า “วังน้ำเขียว เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” นั่นเอง ซึ่งถ้าฝรั่งได้ยิน เค้าคงไม่กล้ามาเที่ยวแน่ แถมด้วยข้อมูลจาก “มิตรสหายท่านหนึ่ง” ผู้เคยทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับ วังน้ำเขียว และอยู่ในช่วงที่มีการอุปโลกน์สร้างสโลแกน “แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” ขึ้นมาผิดๆ

นอกจากนี้ ยังมีคอมเมนต์จากมิตรสหายท่านหนึ่ง ซึ่งทำประชาสัมพันธ์ให้วังน้ำเขียวแต่ก่อน พยายามบอกว่า ซึ่งระบุข้อความว่า “โอโซนมันไม่ใช่อากาศบริสุทธิ์” ผู้ประกอบการรู้ แต่ก็ยังจะใช้ ประชุมระดับจังหวัด ผู้ว่ามา ทุกคนก็ยังรายงานว่าโอโซน และมีเพิ่มคืออันดับ 7 ของโลกพ่วงมาด้วย คนทำโฆษณาปวดหัว เอามาจากไหนตัวเลขอันดับ 7 ไม่มีใครตอบได้ ไม่มีที่มา เมคเอาเอง เพราะอันดับ 1 คนก็จะตรวจเยอะไป ไล่ไปไกลๆ หน่อย แต่เลขตัวเดียวก็ดูโอเคกว่ามั้ง เป็นตราบาปในชีวิตที่ให้ข้อมูลจริงแล้วไม่ชนะ พูดทุกรอบ ใส่แม้กระทั่งในสื่อที่แจก หรือ ออนแอร์ แต่ทุกคนก็จะยังโอโซน ถามว่าทำไมยังใช้ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด ผู้ประกอบการว่าคนจำได้แบบนี้ก็ดีต่อการท่องเที่ยว ที่มามันคือเขาพบเฟิร์นชนิดหนึ่งที่สถานีวิจัยเขาสะแกราช ที่จะขึ้นได้เฉพาะบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์มาก อันนั้นเลย เป็นจุดเริ่มต้นของ “โอโซน” ใครมันเริ่มใช้คำนี้ก็ไม่รู้ จากนั้นก็ระบาด บ้านสวนโอโซน สัมผัสโอโซน เอาเข้าไป ขึ้นป้ายกันทั้งอำเภอ “รู้กันหมดค่ะ” ผู้ประกอบการยันหน่วยงานราชการ เพราะเราพูดทุกรอบจนคนบอกว่ารู้แล้ว แต่จะใช้ใส่ลงรายงานหน่วยงาน ประชุมอะไรก็จะใช้ข้อมูลเท็จนี้ ตัวเลขสวยด้วย มันดีต่อการแสดงผลงาน”

อย่างไรก็ตาม “หลังจากนั้นก็คุมไม่อยู่ ใช้ไปทั่ว เราพยายามแล้ว แต่ข้อมูลจริงมันไม่ตอบโจทย์ความอยากมีอะไรเด่นๆ ของเขา ข้อเท็จจริงมันขายไม่ได้ ต้องการสร้างจุดขาย ผิดก็เอา มั่วก็เอาเริ่มประมาณยี่สิบกว่าปีก่อน แต่รุ่นหลังๆ เขาก็เชื่ออย่างนั้นจริง เพราะฟังต่อมาเรื่อยๆ ตอนนั้นตั้งคำถามไปหลายรอบ มีคนรู้ว่าไม่มีอะไรอ้างอิง และก็รู้ว่าพูดต่อกันเอง แล้วก็เลยตามเลย เคยถกกันเพราะเรื่องทำป้ายขึ้นว่าเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก เราติงว่ามันไม่ใช่ แต่ป้ายก็อยู่อย่างนั้นจนพังไป และคนก็ใช้เรื่อยมา หลังๆ เริ่มมีเลื่อนอันดับด้วย ดีใจที่ไม่เกี่ยวด้วยแล้วค่ะ”

ขอบคุณข้อมูล : Jessada Denduangboripant