เมื่อวันที่ 10 ก.ค. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำรวจความพร้อมของระบบไฟฟ้าของสถานศึกษาในภาพรวมทั้งประเทศ เพื่อซ่อมแซมให้สามารถใช้งานได้ ซึ่งหากสถานศึกษาแก้ไขเองไม่ได้ ให้ประสานหน่วยงานข้างเคียงโรงเรียนที่มีศักยภาพ ให้เข้ามาช่วยซ่อมแซมหรือดูแล เช่น สถานศึกษาอาชีวศึกษา การไฟฟ้า เป็นต้น พร้อมกับมอบสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เพื่อหาแนวทางแก้ไขการสร้างความคุ้นชินในการใช้แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ให้แก่เด็กนักเรียน รวมทั้งหากิจกรรมสื่อช่วยเสริมทักษะแก่เด็ก โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยที่ต้องเน้นกระบวนการความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ ขณะเดียวกัน ตนยังได้ติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ซึ่งพบว่าภาพรวมแผนการดำเนินงานด้านงบลงทุนเป็นที่น่าพอใจ และได้มอบให้นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานคณะทำงานหาแนวทางลดค่าใช้จ่ายงบสาธารณูปโภคของ ศธ. ด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรีสั่งเร่งแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดระบบการศึกษา 1.02 ล้านคน ให้เป็นศูนย์นั้น ได้มอบหมายให้สภาการศึกษาเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการแก้ปัญหาและติดตามเรื่องนี้ เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาของเด็กย้อนหลัง 3 ปีในแต่ละช่วงชั้นว่า มีเด็กหลุดระบบการศึกษาหรือไม่ นอกกเหนือจากตัวเลขของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ดังนั้น มิติการแก้ปัญหาของ ศธ. จะหยุดตัวเลขเด็กหลุดระบบการศึกษาให้ได้ ทั้งนี้ ตนไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการค้นหาเด็กที่หลุดในระบบการศึกษา แต่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจเด็กตกหล่นให้เร็วที่สุด เพื่อดึงเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษา ซึ่งหากเด็กคนไหนประสงค์ที่ไม่อยากจะเรียนต่อเราก็มีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ที่พร้อมจะสอนทักษะอาชีพให้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ เนื่องจาก ศธ. มีการสำรวจตัวเลขหลุดระบบการศึกษาแล้วอยู่ในจำนวนหลักหมื่นคนเท่านั้น ดังนั้น ศธ. จะเร่งวางมาตรการแนวทางการให้ตัวเลขเด็กหลุดระบบการศึกษาเป็นศูนย์ให้ได้อย่างแน่นอน