1.ภาวะโลกเดือดจากการใช้เชื้อเพลิง Fossil ปีนี้อุณหภูมิสูงขึ้นทำลายสถิติทั่วโลก โดยมีที่มาจากอัตราเร่งของการเผาเชื้อเพลิง Fossil ที่เราขุดขึ้นมา ประกอบกับการพัฒนาพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกยังไม่เร็วพอ และเขาว่านี่คือหายนะที่จะถล่มเราเร็วที่สุด

2.การขาดธรรมาภิบาล โดยเฉพาะผู้นำและผู้บริหารประเทศ ซึ่งถึงแม้จะให้คำมั่นสัญญาต่าง ๆ ในระดับโลกแล้ว แต่ความเป็นจริงการขับเคลื่อนนโยบายด้านความยั่งยืนยังไม่เป็นรูปธรรม เนื่องจากผลประโยชน์การเมืองและอิทธิพลของกลุ่มต่าง ๆ

3.การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยอัตราการบริโภคของมนุษย์ที่กวาดบรรดาสัตว์และพืชมาเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดจึงต้องสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งชีวิตที่หายไป ก็ไปกระทบห่วงโซ่อื่น ๆ จนความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศเสียสมดุล

4.ขยะพลาสติกล้นโลก อะไร ๆ ก็พลาสติก และส่วนใหญ่ใช้ครั้งเดียว ก็กลายเป็นขยะในดิน ในนํ้า ใต้ท้องทะเล ที่กว่าจะย่อยสลายได้ใช้เวลาหลายร้อยปี และบางทีแปรร่างกลับมาในรูปของไมโครพลาสติก ที่เราบริโภคเข้าไปใหม่สะสมในร่างกาย

5.ขยะอาหารเหลือทิ้ง Food Waste โดย 1 ใน 3 ของอาหารกลายเป็นขยะเหลือทิ้ง ซึ่งถ้าจัดการได้ดีจะสามารถนำไปให้ผู้ยากไร้ทานได้กว่า 3 พันล้านคน แต่กลับเป็นกองขยะทิ้งเปล่า แถมยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค

6.การสูญเสียพื้นที่ป่าอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการบริโภคสุดโต่ง ทำให้ป่าในโลกถูกตัดไปอย่างรวดเร็ว โดยในทุก ๆ ชั่วโมงจะมีผืนป่าหายไปเท่ากับ 300 สนามฟุตบอล และด้วยอัตรานี้ ในปี 2030 เราคงมีป่าเหลือแค่ 10% ซึ่งถ้าป่าหายไปหมดอะไรจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ของเราบ้าง

7.อากาศเป็นพิษและฝุ่นควัน ช่วงไม่กี่ปีนี้ มีคนป่วยและล้มตายด้วยอากาศเป็นพิษเพิ่มขึ้นมาก จากการขยายตัวของอุตสาหกรรม การก่อสร้าง การขนส่ง การเผาป่าเพื่อการเกษตร ต่อไปหน้ากากออกซิเจนคงเป็นเครื่องแต่งกายมาตรฐานของเรา

8.ภูเขานํ้าแข็งละลายและระดับนํ้าทะเลสูงขึ้นรวดเร็ว นอกจากเหล่าหมีขาวจะไม่มีที่อยู่แล้ว บรรดาเมืองชายทะเลและพื้นที่ติดนํ้าก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดนํ้าท่วมฉับพลัน หรือเป็นพื้นที่นํ้าท่วมอย่างถาวร

9.สภาวะความเป็นกรดในมหาสมุทร นอกจากนํ้าทะเลจะช่วยดูดซับคาร์บอนในบรรยากาศไปกว่า 30% แล้ว พอคาร์บอนมากขึ้น นํ้าทะเลร้อนขึ้น ปะการังก็ฟอกขาวตาย หญ้า และสัตว์ทะเลที่เปราะบางก็เริ่มสูญพันธุ์ไปเรื่อย ๆ นอกจากคาร์บอน นํ้าทะเลก็มีความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไป เนื่องจากขยะพลาสติกที่สะสมมากขึ้น

10.การขาดประสิทธิภาพของเกษตรกรรม ยิ่งเราบริโภคมาก เราก็ต้องการพื้นที่การเกษตรมากขึ้น ทำให้ต้องตัดป่ามาทำพื้นที่เพาะปลูก และการเกษตรก็ยังปล่อยก๊าซคาร์บอน และก๊าซมีเทนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเพาะปลูกมากขึ้นก็ไปทำลายทรัพยากรอื่น ๆ คงจะถึงเวลาที่เราต้องทบทวนระบบความมั่นคงทางอาหารของมวลมนุษยชาติกันใหม่

11.ความไม่มั่นคงของอาหารและนํ้า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็ว มีผลกระทบกับคุณภาพดิน และแหล่งนํ้า ในไม่ช้าเราจะขาดความมั่นคงทางอาหาร และขาดนํ้าสะอาดสำหรับบริโภคโดยไม่รู้ตัว

12.การจับปลาและสัตว์เชิงอุตสาหกรรมเกินขนาด เมื่อการจับปลาเป็นอุตสาหกรรม กวาดทุกอย่างขึ้นเรือ ปลาเล็ก ปลาน้อยไม่มีโอกาสโต ไม่ได้วางไข่ขยายพันธุ์ ถ้าเรายังจับปลากันแบบนี้ ในไม่ช้าปลาก็อาจจะหมดมหาสมุทร จนเราต้องออกเรือไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังอาจจะกลับมามือเปล่า

13.ขยะเสื้อผ้า Fast Fashion กองขยะ Fast Fashion กลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่หลายแห่ง เห็นได้ชัดเจนจากยานอวกาศ และกำลังเป็นปัญหาใหม่ของโลกใบนี้

ใน 13 ข้อนี้ ท่านทั้งหลายเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยในแต่ละข้อ ท่านจะทำอะไรเพื่อช่วยโลกนี้ได้บ้าง และที่สำคัญ เตรียมรับมือกับผลกระทบทางธรรมชาติที่จะลงโทษพวกเรา และเตรียมพร้อมสำหรับกฎหมายกฎระเบียบ ข้อบังคับ ระบบภาษี ระบบกีดกันใหม่ ๆ ที่กำลังทยอยออกมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ และเมื่อไรที่มีวิกฤติ หรือมีหายนะ เมื่อนั้นจะมีโอกาสใหม่ ๆ และมีผู้นำการเปลี่ยนแปลง และเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นเสมอ รอชมตอนต่อไป.