เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายวุฒิชัย อายุ 48 ปี วิศวกรวางแผนโครงสร้างรถไฟฟ้าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง อ้างว่าหลังถูก นายโอ๋ อายุ 50 ปี เจ้าของบริษัทบริการรถสไลด์ย่านมีนบุรี รับจ้างขนย้ายรถทั่วประเทศไทย ขู่กรรโชกทรัพย์ หลังจากจ้างขนย้ายอะไหล่รถยี่ห้อ Land Rover รุ่น Defender (D110) ปี 1970 จาก จ.สงขลา ให้มาส่งที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. โดยคิดค่าขนย้ายราคา 15,000 บาท

แต่ปรากฎว่าวันที่ 26 มิ.ย. นายโอ๋ ได้นำอะไหล่มาส่งให้ แต่ส่งไม่ครบตามจำนวนที่สั่ง พร้อมกับเรียกเงินเพิ่มอีก 35,000 บาท เพื่อแลกกับอะไหล่ที่ยังไม่ส่งไม่ครบ จึงรู้สึกเหมือนถูกเรียกค่าไถ่ในส่วนของอะไหล่รถที่เหลือ จึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีข้อหากรรโชกทรัพย์ และแจ้งความที่ สน.มีนบุรี ในข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งคดีจะถูกโอนไปต่อที่ สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ

นายวุฒิชัย กล่าวว่า ตนเป็นคนที่ชื่นชอบรถเก่าและมีรถยี่ห้อ Land Rover รุ่นDefender (D110) ปี 1970 ซึ่งอะไหล่และช่วงล่างเป็นสนิมทั้งหมด จึงได้ค้นหาซื้ออะไหล่ทางเฟซบุ๊ก จนกระทั่งพบว่า ร้านที่เปิดร้านขายอะไหล่รุ่นที่ต้องการอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงได้ทำการสั่งซื้ออะไหล่ดังกล่าวทั้งหมด และได้เดินทางไปดูสินค้าด้วยตัวเอง และตกลงราคาอะไหล่ทั้งหมดที่ 77,000 บาท

ต่อมาวันที่ 21 ม.ย. ร้านที่ขายอะไหล่ได้แนะนำบริษัทขนส่งให้โดยมี นายโอ๋ เป็นคนจัดการนำอะไหล่ทั้งหมดมาส่งให้ ตนจึงว่าจ้าง นายโอ๋ นำอะไหล่ทั้งหมดจาก จ.สงขลา มาส่งที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี โดยคิดราคาค่าขนส่งทั้งหมดเป็นเงิน 15,000 บาท ซึ่งในระหว่างขนส่ง นายโอ๋ อ้างว่า สินค้าถูกจับที่ด่านสรรพสามิต อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยอ้างว่าคัทซี ไม่ชำระภาษีตามกฎหมาย ต้องเสียเงินค่าปรับ 35,000 บาท ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกยึด ตนจึงนำหลักฐานเอกสารการเสียภาษีเดินทางไปที่ด่าน อ.ปราณบุรี ตามที่ นายโอ๋ กล่าวอ้าง เมื่อไปถึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ประจำด่าน กลับได้ข้อมูลว่าไม่ได้มีการยึดสินค้าเอาไว้แต่อย่างได ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถติดต่อ นายโอ๋ ได้ด้วย จึงคิดว่าถูกมิจฉาชีพเรียกค่าไถ่อะไหล่รถที่ตนเองซื้อแน่ๆ

จากนั้นวันที่ 25 มิ.ย. ตนได้เดินทางไปที่บริษัทที่ นายโอ๋ กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของที่เขตมีนบุรี แต่ไม่เจอ นายโอ๋ พบเพียงเสมียน จึงทำการติดต่อ นายโอ๋ อีกครั้ง ซึ่ง นายโอ๋ รับโทรศัพท์และอ้างว่าติดงานศพ ให้ตนโอนเงินเข้าบัญชีๆหนึ่ง พร้อมทำหนังสือสัญญาว่าจ้าง 15,000 บาท ต่อมาวันที่ 26 มิ.ย.อะไหล่ได้นำมาส่งที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี แต่อะไหล่ส่งให้ไม่ครบตามที่ตกลง คัทซีได้หายไปทั้งชุด และพบว่ารถที่ขนส่งถูกสับเปลี่ยนเป็นคนละคันไม่ใช่รถคันที่ขนย้ายมาจาก จ.สงขลา ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องยังติดต่อ นายโอ๋ ไม่ได้เลย

กระทั่งวันที่ 27 มิ.ย. ตนได้รับข้อความทางไลน์จากร้านที่ขายอะไหล่รถที่หาดใหญ่ แจ้งว่า นายโอ๋ ได้ติดต่อไปหา แล้วให้บอกตนโอนเงิน 35,000 บาทให้ นายโอ๋ แล้ว นายโอ๋ จะมาส่งสินค้าทั้งหมดคืนให้ ตนจึงให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทรฯไปคุยกับ นายโอ๋ จนทราบว่า นายโอ๋ เรียกค่าไถ่อะไหล่ที่เหลือ ซึ่งรวมราคาอะไหล่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบเป็นเงินทั้งหมด 61,000 บาท ซึ่งตนคิดว่า นายโอ๋ ตั้งใจยักยอกเรียกค่าอะไหล่ที่เหลือ ซึ่งไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตน อุตส่าห์ขึ้นเครื่องบินไปเลือกซื้ออะไหล่ด้วยตัวเอง จะต้องมานั่งเฝ้าท้ายรถเพื่อป้องกันของหายมันก็ไม่ใช่ สุดท้ายต้องมานั่งแจ้งความขึ้นโรงพักตามหาอะไหล่ ส่วนตัวคิดว่าบริษัทรับขนส่งสินค้าต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า แต่ นายโอ๋ กลับให้ตนไปแจ้งความและท้าให้เอาหมายศาลไปยื่นให้เขา ตนไม่แน่ใจว่ามีผู้เสียหายรายอื่นโดนแบบนี้หรือไม่ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

เบื้องต้นตำรวจเตรียมรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายเรียก นายโอ๋ เข้ามาสอบปากคำ ถ้าไม่มาจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฏหมายต่อไป.