เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต สส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังจากที่ ศาลฎีกาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุก นายอนุรักษ์ 6 ปีไม่รอลงอาญา ว่า ศาลพิพากษา 3-4 ประเด็น คือ เจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ในการแสดงความคิดเห็น เสนอแนะเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณ ส่วนประเด็นที่สอง การเรียกรับเงิน ศาลเชื่อพยานปากเดียวคือ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ถึงแม้จะไม่มีเส้นทางเงินหรือหลักฐานใด ๆ อีกทั้งยังมีพยานแวดล้อมที่ นายศักดา ได้ไปพูดกับบุคคลอื่น และเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงเชื่อว่าสิ่งที่ นายศักดา พูดเป็นเรื่องจริง

ด่วน! ศาลฎีกาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ยืนโทษคุก 6 ปี “อนุรักษ์” อดีตสส.เพื่อไทย

สำหรับประเด็นที่ 3 ส่วนการซักถามงบประมาณในคณะกรรมาธิการ เป็นการซักถามที่ศาลมองว่าไม่มีพยานหลักฐานที่จะซักถาม ไม่ใช่การตรวจสอบ แต่เป็นการสร้างความกังวลใจให้กับอธิบดี ส่วนเรื่องที่นายศักดา บอกว่ามีเทปมีคลิป แต่ไม่มี

นายเดชา กล่าวอีกว่า ศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี ตามศาลฎีกาเดิม คดีถึงที่สุดแล้ว ทำอะไรไม่ได้ “คดีนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับนักการเมืองที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณ ต้องระวังเวลาซักถามในชั้นกรรมาธิการ ต้องถามตามปกติ ถ้าชักวนไปวนมาอาจจะมองว่าเรามีเจตนาทุจริตและตบทรัพย์” ส่วนการจะตรวจสอบการใช้งบประมาณของกระทรวง ทบวง กรม จะต้องมีหลักฐานประกอบ ถ้าเราไปซักถามโดยไม่มีหลักฐาน ศาลจะมองว่าไม่ใช่การตรวจสอบ แต่เป็นการสร้างความกังวลให้กับอธิบดีแต่ละกลุ่ม ว่าจะโดนตัดงบประมาณ ส่อไปในทางทุจริต

ส่วนเรื่องการต่อสู้คดี ถ้าต้องการนำพยานหลักฐานมาสู้ ตนฝากถึงนักการเมือง พอโดนแจ้งข้อกล่าวหาคำพิพากษาของศาล ต้องนำพยานมาให้ ป.ป.ช. ไต่สวนภายใน 30 วัน ถ้าเกินกำหนด จะทำให้เสียโอกาสในการเรียกพยานบุคคลมาสู้คดี

สำหรับการขอเอกสารหลักฐานจากอธิบดีต่าง ๆ กรรมาธิการจะโทรศัพท์ไปคุยเองไม่ได้ ต้องผ่านเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา นี่คือบทเรียนที่จะต้องระมัดระวังในการทำหน้าที่กรรมาธิการ นอกจากนี้ ศาลก็เชื่อคำพูดของอธิบดีในการให้ปากคำ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน

เมื่อถามถึงสภาพจิตใจของนายอนุรักษ์ นายเดชา เผยสั้นๆ ว่า นายอนุรักษ์ ทำใจได้ทำใจตั้งแต่ก่อนมา ไม่มีอะไรต้องกังวล มีเพียงโรคประจำตัวที่ต้องกินยา