เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านเค แคนนาบิส จ.ขอนแก่น เพื่อสอบถามความคิดเห็นภายหลังมีความชัดเจนจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้ “กัญชา-กัญชง” เป็นยาเสพติดแล้ว โดยคาดว่าในวันที่ 1 ม.ค.2568

นายเจตนิพิฐ มุสิเกตุ เจ้าของร้าน เค แคนนาบิส (Kcannabis) กล่าวว่า การที่รัฐบาลจะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด โดยคาดว่าจะมีผลวันที่ 1 ม.ค. 2568 ซึ่งเหลือระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยส่วนตัวยอมรับว่ารัฐบาลไม่ให้โอกาสผู้ประกอบการปรับตัวเพราะเป็นเวลาที่รวดเร็วและกระชั้นชิด อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนในหลายอย่าง ว่าจะต้องเยียวยาผู้ประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอย่างไร เพราะร้านได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลที่เปลี่ยนกลับไปกลับมา ซึ่งยังยืนยันว่า เรื่องนี้มีทางออกด้วยการกำหนดให้กัญชาเป็นพืชควบคุมและออกระเบียบให้ชัดเจนว่าผู้ประกอบการที่จะทำธุรกิจต่อต้องเดินไปในทิศทางไหน

“ร้านได้รับผลกระทบตั้งแต่ครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้นำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ซึ่งตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ต้องลดกำลังการผลิต เงินที่ลงทุนไปทั้งการทำร้าน การทำฟาร์มเกือบ 10 ล้านยังไม่คืนทุน และขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายทั่วประเทศก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบกลับเป็นผู้ประกอบการและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สัปดาห์ที่ผ่านมามีการรวมตัวกันในนามเครือข่าย กัญชาไทย เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน และกำหนดให้กัญชาเป็นพืชควบคุมคือทางออกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาหลายรูปแบบมีลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งลูกค้าหลายคนก็ไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดแต่จะให้เป็นพืชควบคุมแทน” นายเจตนิพิฐ กล่าว

ขณะที่ นายแอนเดรล (AndreI) อายุ 40 ปี ลูกค้าชาวรัสเซีย กล่าวว่า กังวลกับกฎหมายไทยที่จะดึงกัญชามาเป็นยาเสพติด ปัญหาของกัญชามีอย่างเดียวคือเรื่องกลิ่น หากเทียบผลกระทบไม่ร้ายแรงเท่าเหล้า บุหรี่ และยาบ้าด้วยซ้ำ และการใช้กัญชาทุกวันนี้ก็มีการจัดโซนนิ่งเป็นระเบียบอยู่แล้ว และตนเองอยู่ในประเทศไทยกว่า 10 ปี และใช้กัญชาเพื่อผ่อนคลาย ซึ่งหากบริหารจัดการดีๆ ประเทศไทยควรจะเป็นผู้นำในเรื่องกัญชาและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นจำนวนเงินไม่น้อย