การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2024 ประจำวันพุธที่ 10 ก.ค. รอบรองชนะเลิศ เป็นการเจอกันระหว่าง “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่ยังไม่เคยได้แชมป์ยูโรมาก่อน เจอกับ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ อดีตแชมป์ปี 1988 หวดกันที่สนามเบเฟาเบ สตาดิโอน ดอร์ทมุนด์  เริ่มคิกออฟเวลา 02.00 น. ตามเวลาไทย ถ่ายทอดสดทางช่องPPTV36 (หมายเลข 36)

*อังกฤษแผนเดิมแต่เปลี่ยนผู้เล่น
อังกฤษ ภายใต้การนำของแกเรธ เซาธ์เกต โชว์ฟอร์มแบบขัดใจแฟนบอลมาตลอดเพราะเน้นความรัดกุมเหนียวแน่น เปิกเกมรุกไม่สะใจ แต่ทีมสามารถฝ่าฟันมาถึงรอบตัดเชือก โดยรอบที่แล้วยิงเป้าแม่นเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ในการยิงจุดโทษ 5-3 หลังจากไล่ตามเสมอ 1-1 ขณะที่รอบ 16 ทีมก็เกือบเอาตัวไม่รอดไล่ตีเสมอสโลวาเกียช่วงทดเจ็บจากลูกตีลังกายิงของจูด เบลลิงแฮมและแซงชนะในช่วงต่อเวลา

ความพร้อมของทีมผู้ดีเกมนี้จะได้ มาร์ก เกฮี กองหลังตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมาแล้ว สื่อคาดว่า เซาธ์เกต ที่ปรับมาใช้แผน 3-4-2-1 ในเกมที่แล้วก็น่าจะยึดแผนเดิมต่อไป เปลี่ยนแค่ผู้เล่นที่เกฮีจะลงแทนเอซรี คอนซา ประสานงานกับจอห์น สโตนส์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ โดยมี ลุค ชอว์ ออกสตาร์ตตัวจริงเป็นวิงแบ็กซ้าย และ บูกาโย ซากา ทำหน้าที่วิงแบ็กขวาต่อไป แดนกลาง เดแคลน ไรซ์ ผนึกกำลัง คอบบี เมนู อยู่หลัง จูด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเดน และ แฮร์รี เคน กัปตันทีมเป็นกองหน้าตัวเป้า

*คูมันเปลี่ยนตำแหน่งเดียว
โรนัลด์ คูมัน กุนซือของ “กังหันลม” เนเธอร์แลนด์ กำลังคึกคักโชว์ฟอร์มดีขึ้นมาเป็นลำดับ โดยรอบที่แล้วโดนนำก่อนแซงชนะตุรกี 2-1 ขณะที่รอบ 16 ทีมไล่ถล่มโรมาเนีย 3-0 เท่ากับว่าเล่นแค่ 90 นาทีมาตลอด 2 นัดตั้งแต่รอบน็อคเอาท์ ต่างจากอังกฤษที่ใส่เต็ม 120 นาทีมาตลอด ความพร้อมไม่มีตัวเจ็บเพิ่มหรือติดโทษแบน แต่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนแม้ยึดชุดเดิมมาต่อเนื่องโดยถอด สตีเวน เบิร์กไวน์ ออกแล้วให้เจเรมี ฟริมปง หรือ ดอนเยลล์ มาเลน ลงมาแทน  นอกนั้นเหมือนเดิม แนวรับจากขวาไปซ้าย เดนเซล ดัมฟรีส์, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, สตีเฟน เดอ ฟรายจ์ และ นาธาน อาเก ตรงกลาง เจอร์ดี ชูว์เทน,  ติยานี ไรจ์นเดอร์ส อยู่หลัง ซาวี ซิมมอนส์, โคดี กัคโป, ฟริมปง และ เมมฟิส เดอปาย เป็นกองหน้า ขณะที่ เวาท์ เวกฮอร์สต์ หอกร่างโย่งรอโอกาสลงเป็นตัวสำรอง

*สถิติสิงโตช่วงหลังเป็นรอง
สถิติเจอกันมาทั้งหมดภาพรวม อังกฤษ ดูเป็นรองแค่เล็กน้อย เมื่อชนะ 6 เสมอ 9 แพ้ 7 อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่อังกฤษเอาชนะ 4-1 ในยูโร 1996 หลังจากนั้นอังกฤษสถิติเป็นรองมาก เพราะชนะได้แค่ 1 จาก 9 นัดหลังสุด (แพ้ 4 เสมอ 4) หนล่าสุดคือแพ้ 1-3 ในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เมื่อปี 2019 อีกทั้งหากนับเฉพาะการเจอกันในถ้วยเมเจอร์รอบสุดท้าย อังกฤษ ชนะแค่หนเดียวในยูโร 1996 นอกนั้นคือแพ้ 1-3 ในยูโร 1988 และ เสมอ 0-0 ฟุตบอลโลก 1990 ส่วนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตาประมวลผลว่าอังกฤษมีโอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศ 52.51% มากกว่าเนเธอร์แลนด์ที่มีโอกาส 47.49%

*สิงโตเดือด!ยูฟ่าเลือกเปาฉาว
การเลือกผู้ตัดสินทำหน้าที่เป่านกหวีดของคู่นี้กลายเป็นดราม่า หลังจากยูฟ่ามอบหมายหน้าที่สำคัญนี้ให้กับ เฟลิกซ์ ซวาเยอร์ เชิ้ตดำชาวเยอรมนี แม้ว่าเคยมีประวัติด่างพร้อยในอดีต โดย จูด เบลลิงแฮม ตอนที่อายุ 18 ปีเคยโดนปรับเงิน 34,000 ปอนด์ เนื่องจากด่าใส่ ซวาเยอร์ หลังจากที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พ่ายให้กับ บาเยิร์น มิวนิค 3-2 เมื่อปี 2021 ระบุว่าทำไมถึงให้ผู้ตัดสินที่มีประวัติล็อคผลการแข่งขันมาทำหน้าที่ในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยอรมนี

ทั้งนี้ เบลลิงแฮม พาดพิงซวาเยอร์ถึงกรณีในปี 2005 ที่เคยโดนลงโทษแบน 6 เดือนในข้อหารับสินบน 250 ปอนด์จากผู้ตัดสินโรเบิร์ต ฮอยเซอร์ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายการพนันของชาวโครเอเชียซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ส่งผลให้ฮอยเซอร์ถูกจำคุกและแบนตลอดชีวิต ขณะที่ ซวาเยอร์ หลังพักงานไป 2 เดือนในปี 2021 ก็ได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง กระทั่ง 4 ปีต่อมา ได้เลื่อนขึ้นมาเป่าในบุนเดสลีกา และได้อยู่ในรายชื่อผู้ตัดสินของฟีฟ่าในปี 2012

แฟนๆ อังกฤษพากันบ่นระงมในโซเชียลมีเดีย “เขาจะเป็นกลางได้อย่างไร ยูฟ่ากำลังเล่นอะไรอยู่”, “มันท้าทายตรรกะ ผู้ตัดสินที่มีเรื่องกับผู้เล่นที่เก่งที่สุดของเราเรื่องล็อคผลเข้ามาทำหน้าที่ได้ยังไง”, “ผู้ตัดสินที่มีประสบการณ์และเป็นกลางมากมาย ทำไมจึงเลือกผู้ตัดสินรายนี้”

*สื่อฟันธงอังกฤษชนะจุดโทษ
อีฟนิง สแตนดาร์ด สื่อดังของอังกฤษวิเคราะห์ว่า อังกฤษมีศักยภาพผู้เล่นและประสบการณ์ในเกมแบบนี้มากกว่าคู่แข่ง โดยผลงานช่วงหลังไม่ว่าคว้าที่ 4 ฟุตบอลโลก 2018, เข้ารอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 2022 และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโร 2020 แม้ว่าผลงานเกมรับเป็นตัวเอกของเซาธ์เกต แต่ขณะเดียวกันเกมโต้กลับก็ทำได้ดีเมื่อถึงเวลาที่ต้องเสี่ยง

กระนั้น เนเธอร์แลนด์ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหา ผู้เล่นเกมรับค่อนข้างช้า กองกลางยังขาดการควบคุมเกมและกองหน้าขาดสัญชาติญาณนักฆ่า แต่ในทางกลับกันเนเธอร์แลนด์สามารถทำร้ายคู่แข่งได้ด้วยการเปิดบอลจากด้านข้าง โต้กลับอย่างรวดเร็ว และการยิงประตูจากระยะไกล ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว คาดว่านี่จะเป็นเกมที่สูสีและน่าจะยืดเยื้อ แต่หวังว่าความตระหนักรู้และคุณภาพของอังกฤษจะช่วยให้พวกเขาผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ฟันธงว่า อังกฤษจะชนะจุดโทษ