เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่จะครบรอบ 1 ปี ในเดือน ส.ค. นี้ แม้จะเห็นถึงความตั้งใจ แต่ยังไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม ว่า ส่วนตัวคิดว่าเรื่องการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นไปอย่างที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานมากพอสมควร ในหลายๆ โครงการ และทุกกระทรวงก็ทำงานหนัก อีกทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ การเพิ่มราคาสินค้าเกษตร การพักหนี้เกษตรกร การดูแลพืชหลักพืชรอง การเพิ่มศักยภาพการศึกษาให้เยาวชน การเพิ่มค่าแรง กฎหมายสมรสเท่าเทียม ยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีหลายมิติที่เราพยายามทำอยู่ และจะเร่งดูแลเรื่องการศึกษาให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น

เมื่อถามว่าคิดว่าผลงานที่เป็นรูปธรรมจะมีความชัดเจน ทำให้ประชาชนรู้สึกจึ้งกับผลงานได้อย่างไร นายกฯ ถึงกับหัวเราะคำว่าจึ้ง พร้อมกล่าวว่า “จะทำให้จึ้งได้อย่างไร ผมคิดว่าต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เพราะมีหลายโครงการที่จะค่อยๆ ทยอยออกมา เช่น การลงทุนจากต่างประเทศ การทำ FTA ที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าจะค่อยๆ ทยอยออกมา”

เมื่อถามต่อว่านอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ยังมีคนในจากพรรคเพื่อไทย ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเช่นเดียวกัน จะมีการทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นคนของพรรคเดียวกัน หรือพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน อาจจะอึดอัดใจหรือไม่เข้าใจ หรือมีการสื่อสารที่ไม่ดีพอ รัฐบาลนี้ก็ต้องรับฟัง หรือแม้จะเป็นคำติจากพรรคร่วมเดียวกัน เราก็ต้องรับฟังและพยายาม อะไรที่เป็นคำติที่เหมาะสม สมควรที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเราก็ต้องทำ หากเป็นเรื่องที่เราทำอยู่แล้ว หากยังมีการสื่อสารไม่ดีเราก็พร้อมที่จะชี้แจงในเวทีที่เหมาะสม

เมื่อถามอีกว่าวันเดียวกันนี้จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย จะถือโอกาสชี้แจงเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้ามีคำถามก็พร้อมที่จะชี้แจง เพราะวันเดียวกันนี้จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย โดยลาราชการไว้แล้วตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป

เมื่อถามอีกว่า ส่วนตัวคิดว่าบุคลิกของนายกรัฐมนตรีที่เป็นซีอีโอเก่า เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ เพราะเมื่อก่อนเป็นซีอีโอ ก็จะปิดไซต์งานได้ตลอด แต่พอมาเป็นนายกฯ ไม่ค่อยปิดไซต์งานได้ นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันก็มีการปิดงานได้เยอะมากพอสมควร สมัยก่อนที่เป็นซีอีโอ ก็มีการเปิด-ปิด-โอน และมีการเปิดและปิดงานใหม่ตลอด.