สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ว่า ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลง ที่เมืองอิสตันบูล ระหว่างนายหวัง ฉวนฝู ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบีวายดี กับนายฟาตีห์ คาซีร์ รมว.อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของตุรกี

นายหวัง ฉวนฝู (ขวา) ซีอีโอของบีวายดี และนายฟาตีห์ คาซีร์ (ซ้าย) รมว.อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของตุรกี ร่วมลงนามในข้อตกลงเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี (กลาง) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลง ในเมืองอิสตันบูล

ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีตุรกี บีวายดีจะเปิดโรงงานผลิตรถอีวี ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 150,000 คันต่อปี รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนา ตลอดจนจัดหางานทางตรงประมาณ 5,000 ตำแหน่ง ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว

อนึ่ง ความเคลื่อนไหวข้างต้นเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังอียู ประกาศการเก็บภาษีแบบมีเงื่อนไข สูงสุดถึง 38% สำหรับรถอีวีของจีน หลังการสอบสวนสรุปว่า เงินสนับสนุนจากรัฐบ่อนทำลายคู่แข่งในยุโรป และถือเป็น “มาตรการทุ่มตลาดที่ไม่เป็นธรรม” ของรัฐบาลปักกิ่ง

“บีวายดี เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ก้าวหน้าที่สุด ในด้านเทคโนโลยีและคุณภาพการผลิต ซึ่งข้อตกลงนี้ จะเป็นการลงทุนในตลาดตุรกี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดยุโรป ด้วยการเลี่ยงภาษีศุลกากรสำหรับรถยนต์ที่มาจากจีน” นายเลเวนต์ เทย์ลัน ที่ปรึกษาอิสระ กล่าว

นอกจากนี้ เทย์ลันระบุเสริมว่า บีวายดี มีศักยภาพในการจำหน่ายรถยนต์ประมาณ 20-25,000 คันต่อปี ในตลาดตุรกี และส่งออกรถยนต์ 75,000 คัน ไปยังอียู ซึ่งภายใต้กฎระเบียบใหม่ของตุรกี เกี่ยวกับสิ่งจูงใจในการลงทุน บีวายดีจะสามารถหลีกเลี่ยงการเก็บภาษี 40% ที่ตุรกีกำหนดไว้สำหรับการนำเข้ารถอีวีได้.

เครดิตภาพ : AFP