จากกรณี เกิดประเด็นดราม่าเดือดไปทั่วทั้งสังคมไทย ภายหลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดรับฟังความคิดเห็นการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ฝั่ง จ.นครราชสีมา และปราจีนบุรี จำนวน 265,286.58 ไร่ ออกจากการเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อนำไปเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จนมีการแห่ติดแฮชแท็ก #Saveทับลาน กว่า 2.47 แสนครั้ง ส่งผลให้แฮชแท็กดังกล่าวขึ้นอันดับ 1 ทวิตเตอร์ อีกทั้งยังมีการรณรงค์ลงชื่อคัดค้าน เพราะหวั่นว่าผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์กว่า 2 แสนไร่ จะหายไปนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.ค. “มูลนิธิสืบนาคะเสถียร” ได้ออกมาเผยว่า “ความในใจของคนทำงานต่อการเพิกถอนพื้นที่ป่าอนุรักษ์กว่า 265,000 ไร่” ปัญหาการมีราษฎรอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์หรือพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติมีมาเนิ่นนาน แต่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ณ เวลานั้นโดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานที่นำพาราษฎรมาอยู่โดยอ้างถึงความมั่นคงของประเทศเพราะเป็นการแก้ไขปัญหาผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ซึ่งก็หนีไม่พ้นหน่วยงานทหาร

ส่วนหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ป่าสงวนหรือป่าอนุรักษ์ ณ ขณะนั้น ซึ่งก็หนีไม่พ้นกรมป่าไม้ หรือที่เปลี่ยนมาเป็นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในปัจจุบัน แล้วก็รวมไปถึงหน่วยงานของฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ซึ่งต้องควบคุมดูแลความเรียบร้อย ความเป็นอยู่ของราษฎรให้เป็นไปตามกฎหมายทุกฉบับ โดยต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน แต่ไม่มีการปรึกษาหารือกันเพื่อให้มีการปรับแก้แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตป่าอนุรักษ์ให้เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงในขณะนั้น

กล่าวคือถ้าตัดสินใจว่าคนที่เข้ามาอยู่ในเขตป่าตามกฎหมายมีความผิดก็ต้องดำเนินคดีแล้วผลักดันออก แต่หากพิจารณาจะให้คนอยู่ทำกินในบริเวณนั้นก็จะต้องเพิกถอนสภาพความเป็นป่าไม้ตามกฎหมายออกไปเสีย แต่กลับปล่อยให้เวลายืดยาวมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในระหว่างช่วงเวลานี้เอง ก็เกิดปรากฏการณ์การซื้อขายเปลี่ยนตัวผู้ครอบครองที่ดิน โดยส่วนใหญ่คนที่มาถือครองแทนเป็นคนมีฐานะมีความรู้แต่ก็ยังใช้ความละโมบโลภมากเข้ามายึดถือครอบครองแทนคนที่อยู่ดั้งเดิม จนเป็นที่ประจักษ์ของคนส่วนรวมทั้งประเทศ และต่างประเทศ

“ความเห็นของผู้เขียนในฐานะที่เป็นคนไทย อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายของคนส่วนรวมทั้งประเทศ ไม่เห็นด้วยที่จะยกที่ดินป่าอนุรักษ์ไปให้ ส.ป.ก. ดูแล เพราะเป็นช่องทางที่นายทุนจะใช้เป็นกระบวนการในการครอบครองที่ดินของคนทั้งประเทศได้แน่นอนในอนาคต”..
อ่านจดหมายฉบับเต็มได้ที่ https://www.seub.or.th/bloging/news/2024-228/

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @มูลนิธิสืบนาคะเสถียร