เมื่อวันที่ 9 ก.ค. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. สั่งการ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม นายธีรพล อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2871/2567 ลงวันที่ 20 มิ.ย. น.ส.อรัญญา อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2870/2567 ลงวันที่ 20 มิ.ย. ข้อหา “สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยเป็นธุระจัดหา, ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นฯ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ, ร่วมกันใช้อุบายส่งคนออกนอกราชอาณาจักร, ร่วมกันโฆษณาจัดหางานโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด” โดยจับกุมนายธีรพลได้ที่บริเวณหน้าคอนโดฯ ย่านถนนประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และจับกุม น.ส.อรัญญา ได้ในพื้นที่ ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของแต่ละคนไว้เป็นของกลางส่งตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานในคดี

สืบเนื่องจากช่วงปลายปี 66 รัฐบาลเมียนมา และกลุ่มพันธมิตรทางตอนเหนือร่วมกับรัฐบาลจีน เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งจีนเทาขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ก่อนส่งตัวคนไทยที่ถูกหลอกลวงมาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศไทยจำนวน 266 คน ต่อมาตำรวจ กก.2 บก.ปคม. คัดแยกเหยื่อตามกระบวนการ NRM พบว่า นายธีรพล ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหัวหน้าทีม ควบคุมการทำงานของคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานในคอลเซ็นเตอร์ และน.ส.อรัญญา ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบุคคลโพสต์หลอกหาเหยื่อคนไทยไปทำงานในคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ที่มีนายเฟยหยาง เป็นหัวหน้า ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 2.5–5 หมื่นบาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับดังกล่าว

สอบสวนนายธีรพลให้การปฏิเสธอ้างว่า ไปทำงานเป็นพนักงานอยู่ในสถานบันเทิง และเป็นล่ามแปลภาษาให้ชาวจีนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด ส่วน น.ส.อรัญญา ให้การภาคเสธว่า ใช้เฟซบุ๊กปลอมจัดหาคนไทยไปทำงานจริง แต่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน เบื้องต้นนำตัวส่ง พงส.กก.2 บก.ปคม.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าแจ้งข้อหาดังกล่าวกับ น.ส.ณัฐณิชา อายุ 31 ปี ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ด้วยอีกราย เนื่องจากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าได้ร่วมขบวนการกับมิจฉาชีพกลุ่มนี้โดยทำหน้าที่หลอกคนไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน