เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 67 นายนิกร จำนง ในฐานะโฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กล่าวถึงกรณีที่วุฒิสภาชุดรักษาการได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกวุฒิสภา ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าว เพราะมีเวลาไม่เพียงพอที่ทำให้เกิดเป็นผลขึ้น เพราะเชื่อว่าอีกไม่ช้าหลังจาก กกต. ตรวจสอบเพียงพอตามสมควรแล้ว ก็จะประกาศรับรอง เพราะ กกต. มีหน้าที่ต้องทำหน้าที่ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561 นอกจากนี้ การตั้ง กมธ. ขึ้นมาครั้งนี้ อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในการดำรงตำแหน่ง สว. ต่อไปอีกโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามเมื่อมติที่ประชุมวุฒิสภา ในเมื่อตั้งขึ้นมาแล้วก็ควรทำให้เกิดประโยชน์ขึ้นจากเวลาที่เหลืออยู่ให้มากที่สุด นั่นคือสรุปปัญหาหลักที่มาจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2560 ในหมวดที่ 7 รัฐสภา ในส่วนที่ 3 ว่าด้วย สว. ซึ่งปรากฏเป็นที่ชัดเจนจากการปฏิบัติจริงแล้วว่ามีปัญหาโดยเฉพาะในมาตรา 107 เพื่อเสนอให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นำไปแก้ไขในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันต่อไป
นายนิกร กล่าวว่า จาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ก็ไม่ได้ยกร่างมาจากระบบสภาปกติ ซึ่งมีความคุมเครือไม่ชัดเจนทั้งขั้นตอนและวิธีการในการเลือก สว. ตามที่ได้เห็นกันชัดแจ้งแล้วว่ามีอยู่หลายประเด็นมาก ทั้งความชัดเจนในคุณสมบัติ กลุ่มอาชีพของผู้สมัคร การเลือกไขว้จากต่างกลุ่มอาชีพที่ไม่รู้จักกัน แม้แต่วันประกาศผลการได้มาของการเลือก ก็ปล่อยลอยไว้อย่างไม่มีกำหนดว่าเป็นเมื่อใด ซึ่งเป็นเรื่องดี ที่ใน กมธ. ที่ตั้งขึ้นชุดนี้มีอดีตกรรมาธิการยกร่าง พ.ร.ป.ฉบับเจ้าปัญหานี้อยู่ด้วย เมื่อเป็นคนผูกปมปัญหาขึ้นมา ก็เชื่อว่าย่อมรู้ว่าจะแก้ปมปัญหานั้นอย่างไร แล้วชี้ให้ กมธ.พิจารณาร่างกฏหมาย พ.ร.ป.ชุดหน้านำไปออกกฎหมายใหม่ให้ดีกว่านี้
“กรณีนี้ควรใช้เวลาที่มี ศึกษาแนวทางแก้ไขสรุป เตรียมเสนอไปยัง ส.ส.ร.ชุดใหม่ ให้จัดทำบทบัญญัติที่ดีกว่าในส่วนที่ว่าด้วยวุฒิสภาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมีขึ้น และนำเสนอแนวทางการบัญญัติกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. เกี่ยวกับกับปัญหาที่อยู่ซึ่งหน้านี้เสียใหม่ เราต้องลุกขึ้นแล้วเดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุดเท่าที่พึงกระทำได้ ไม่ใช่หมุนวนจมอยู่กับปัญหานี้ แล้วดึงประเทศชาติและประชาชนซึ่งกำลังยากลำบากอยู่ให้จมลงไปด้วยกัน” นายนิกร กล่าว
