สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่าผู้อพยพเกือบ 90 รายเสียชีวิต จากเหตุการณ์เรือโดยสารอับปาง นอกชายฝั่งมอริเตเนีย ระหว่างพยายามเดินทางในเส้นทางมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อมุ่งหน้าสู่ทวีปยุโรป

ขณะที่นายอุสมาน ซอนโก นายกรัฐมนตรีเซเนกัล ออกมาขอร้องให้คนหนุ่มสาวอย่าพยายามเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว “มีซากเรืออับปางนอกชายฝั่งของเราอีก และในขณะกำลังรอตัวเลขที่แน่นอน มีการคาดการณ์ว่า เหตุการณ์เรืออับปางครั้งนี้อาจคร่าชีวิตคนหนุ่มสาวจำนวนมาก” เขากล่าวผ่านสุนทรพจน์ ที่มหาวิทยาลัยแกสตัน เบอร์เกอร์ ในเมืองแซงต์-หลุยส์ ทางตอนเหนือของประเทศ “น่าเสียดายและน่าเวทนา ผมอยากจะขอร้องคนหนุ่มสาวอีกครั้ง วิธีแก้ปัญหาของพวกคุณไม่ได้อยู่ที่เรือแคนู”

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวของรัฐบาลมอริเตเนีย ระบุว่า หน่วยยามชายฝั่งได้เก็บกู้ศพผู้เสียชีวิต 89 ศพ จากเรือประมงแบบดั้งเดิมขนาดใหญ่ที่ล่มนอกชายฝั่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ หนึ่งในผู้รอดชีวิตให้ข้อมูลว่า เรือลำดังกล่าวแล่นออกจากชายแดนเซเนกัลและแกมเบีย พร้อมผู้โดยสารราว 170 คน และหน่วยยามชายฝั่งช่วยเหลือมาได้ 9 คน หมายความว่ามีผู้สูญหายอีก 72 คน

เส้นทางในมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะมีกระแสน้ำแรง โดยผู้อพยพมักเดินทางโดยเรือซึ่งบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด และมีน้ำดื่มไม่เพียงพอ แต่การเดินทางผ่านเส้นทางนี้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมาตรการตรวจตราในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้มงวดมากขึ้น

“ผมรับรองได้เลยว่า ประเทศที่พวกเขาต้องการเข้าไปอาศัยอยู่กำลังตกอยู่ในวิกฤติ หรือกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของภาวะวิกฤติ” ซอนโกกล่าว “อนาคตของโลกอยู่ที่แอฟริกา และคุณต้องตระหนักถึงสิ่งนี้ ทวีปเดียวซึ่งยังมีพื้นที่สำหรับความก้าวหน้าและการเติบโตคือแอฟริกา”

ตามข้อมูลของคามินานโด ฟรอนเตราส องค์กรการกุศลของสเปน ระบุว่า มีผู้อพยพมากกว่า 5,000 ราย เสียชีวิตขณะพยายามเดินทางเข้าสเปนด้วยเส้นทางทางทะเลในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ หรือเฉลี่ย 33 รายต่อวัน ทั้งนี้ ตัวเลขทั้งหมดถือเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 และส่วนใหญ่ใช้เส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES