เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี และต่อมาได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวยืนยันว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เป็นการชั่วคราว โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ ผบช.ก. มองว่า เป็นภารกิจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ตำรวจน้ำบริหารจัดการ แต่เกิดปัญหาสร้างความเสียหายกับ บช.ก. ดังนั้นจึงทำการปัดกวาดบ้านตัวเอง และตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏเพื่อชี้แจงกับประชาชนได้ โดยยืนยันการออกคำสั่งดังกล่าว ไม่ช้า เพราะมีความชัดเจนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหา ต่อเจ้าหน้าที่ทั้ง ม.157 และวินัย เนื่องจากพบว่ามีความบกพร่องร้ายแรงจริง ก่อให้เกิดปัญหา มองว่าผู้การตำรวจน้ำควรลงมาใส่ใจดูแลให้มากกว่านี้ เมื่อไม่ใส่ใจดูแลก็จะเกิดปัญหาขึ้น

ส่วนจะมีตำรวจชั้นอื่นต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตอนนี้เรามองการบริหารจัดการตั้งแต่ผู้การ ผู้กำกับการ สารวัตร ซึ่งเป็นตัวหลักในการจัดการและจะทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาทุกมิติ ไม่มีการช่วยเหลือใคร เป็นการแสดงความจริงใจของ บช.ก. ที่จะคลี่คลายคดีนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาระบุว่า ผู้การตำรวจน้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่การออกคำสั่งย้ายเช่นนี้แสดงว่าพบความเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หากพูดไปจะหาว่าเป็นการช่วยเหลือกัน เราไม่ช่วยเหลือกัน ตำรวจมีวินัยทางอาญาและการปกครอง ใครเกี่ยวข้องอะไรก็ว่าไป มองว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากข้างล่าง และข้างบนไม่ควบคุมดูแล เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการโยกย้ายอีกหลายตำแหน่ง แต่ตอนนี้เอาที่สำคัญก่อน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่จะเป็นมาตรการทางปกครองหรือไม่ ทาง ผบช.ก. มีนโยบายดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่มิชอบ ตอนนี้ต้องการทำให้การบังคับใช้กฎหมายทางทะเล มีผลมากยิ่งขึ้น จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด ขณะนี้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. มาเป็นรักษาการแทนผู้บังคับการตำรวจน้ำ โดยจะไปรับนโยบายกับ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับความคืบหน้าคดีการตรวจสอบโทรศัพท์ของ พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด เนื่องจากไฟล์ในโทรศัพท์ค่อนข้างใหญ่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนการออกหมายจับ ในช่วงบ่ายนี้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เรียกประชุมความคืบหน้าพิจารณาออกหมายจับผุู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพิจารณาออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” เช่นเดียวกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า สำหรับการเชิญตัวนายสุเนตร สินสวัสดิ์ หรือ หนุ่ม เพชรบุรี ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี พยานปากเอกคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย คาดเป็นญาติกับเสี่ยโจ้ ปัตตานี ก่อนหน้านี้มีโทรศัพท์ไปพูดคุย แต่ไม่มีความคืบหน้านั้น อย่างไรก็ตามต้องไปหาตัวมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้ ซึ่งได้ส่งหนังสือเชิญไปแล้ว 1 ครั้ง ไม่ได้รับการตอบรับ ดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งได้ติดต่อไปยังคนสนิทหนุ่ม เพชรบุรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 3 คน รวมถึงนายก อบจ.เพชรบุรี ก็ไม่มีการตอบรับ วันนี้จะนำหนังสือเชิญส่งอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2

ด้าน พ.ต.อ.สิทธิพร กะสิ ผกก.2 บก.ปปป. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อมาให้การในฐานะพยานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแชตหลุดรับส่วย นอกจากหนุ่ม เพชรบุรี จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบเช่นกัน ฝากถึงเจ้าตัวขอให้เข้าให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ มองว่าน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการไม่ให้ความร่วมมือ ส่วนการติดตามตัวลูกเรือที่นำเรือของกลางหนีนั้น อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ยืนยันผู้ที่เกี่ยวข้องคดีนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบในการละเมิด ต้องชดใช้ค่าเสียหาย อยู่ที่ศาลพิจารณาเฉลี่ย ย้ำต้องมีคนรับผิดชอบ.