สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ว่าข้อมูลระบุว่า ระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา จำนวนธุรกิจล้มละลายที่มีหนี้สินไม่น้อยกว่า 10 ล้านเยน (ราว 2.26 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี โดยรวมอยู่ที่ 4,931 แห่ง โดยจำนวนบริษัทล้มละลายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงและการขาดแคลนแรงงาน


ส่วนบริษัทที่ล้มละลายจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อาทิ ต้นทุนการจัดซื้อที่พุ่งขึ้น เพิ่มขึ้น 23.4% อยู่ที่ 374 แห่ง ตอกย้ำถึงผลกระทบที่รุนแรงขึ้นจากปัญหาสกุลเงินเยนอ่อนค่า และรายงานเผยอีกว่า จำนวนบริษัทที่ได้รับผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นอีก และอาจทะลุ 10,000 แห่งต่อปี


ขณะเดียวกัน ผลสำรวจพบว่าแม้กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีชื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะมีความก้าวหน้า แต่ธุรกิจขนาดเล็กกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย 88.4% ของธุรกิจที่ล้มละลาย เป็นบริษัทซึ่งมีพนักงานน้อยกว่า 10 คน


เมื่อแบ่งตามอุตสาหกรรม พบว่า 8 ใน 10 อุตสาหกรรมมีจำนวนบริษัทล้มละลายเพิ่มขึ้น ซึ่งภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการขนส่งได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ โดยบริษัทในภาคการก่อสร้างล้มละลายเพิ่มขึ้น 20.6% อยู่ที่ 947 แห่ง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ และต้นทุนวัสดุที่เพิ่มสูงขึ้น


ทั้งนี้ การขาดแคลนแรงงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่นำไปสู่การล้มละลาย โดยบริษัทซึ่งล้มละลายจากปัญหานี้เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าแตะที่ 145 แห่ง สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556

ผลการสำรวจทิ้งท้ายว่า พบบริษัทล้มละลาย 820 แห่ง เฉพาะเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 27 ที่ตัวเลขดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่.

ข้อมูล : XINHUA

เครดิตภาพ : AFP