นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง หรือ สส.เป้า สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ จ.ชลบุรีกล่าวถึงกรณีโครงการขุดดินแลกน้ำ ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เพื่อขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณะประโยชน์ที่ตื้นเขิน เพื่อป้องกันและแก้ไขอุทกภัยว่า ตนเองเป็นกรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร และเห็นว่าโครงการขุดดินแลกน้ำเริ่มมาตั้งแต่อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีจนถึงปัจจุบัน ได้มีการขุดดินและทรายในอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรีหลายแห่ง ที่สำคัญเหมือนกับมีเจ้าของดูแลในเรื่องของผลประโยชน์ หรือโควต้าของผู้ที่ขุดทรายในอ่างเก็บน้ำ  ในเรื่องนี้อยากให้ดูว่าโครงการขุดดินแลกน้ำใครได้ประโยชน์มากกว่า

“ผมลงไปดูพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เห็นว่าแต่ละโครงการรัฐจะต้องจ่ายเงิน 20-60 กว่าล้านบาท ทำไมในเมื่อโครงการขุดดินแลกน้ำ ภาครัฐจะต้องเสียเงินด้วย นอกจากนี้การขุดทรายในอ่างเก็บน้ำปรากฏว่าทำให้น้ำวน ส่งผลให้เกิดความขุ่นข้น ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการทำน้ำประปา เพราะทำให้น้ำประปาขุ่น และมีค่าใช้จ่ายในการทำน้ำประปาเพิ่มมากขึ้น” นายจิรวุฒิกล่าวและว่า อ่างเก็บน้ำหนองน้ำเขียว อ.บ้านบึง ช่วงหน้าแล้งน้ำประปาไม่ไหล จึงได้สอบถามไปทางประปาได้ตอบว่ามีการดูดทราย จากน้ำขุ่นจาก 10-20 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นน้ำขุ่น 300 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกิดต้นทุนการทำน้ำประปาที่แพงขึ้น และต้องไปใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร อ.เกาะจันทร์มาใช้ในการทำน้ำประปา จึงทำให้มีราคาสูงขึ้นไปอีก

นายจิรวุฒิกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยังพบอีกว่าอ่างเก็บน้ำหลายแห่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี ได้มีการดูดทรายกันแทบทุกอ่างเก็บน้ำ โครงการขุดดินแลกน้ำชื่อก็ชัดอยู่แล้วว่าแลกกัน แล้วทำไมรัฐต้องจ่ายงบประมาณให้อีก ทั้งที่คนขุดทรายนำทรายไปขายได้คิวละ 300 บาท โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำมาบประชัน อ.บางละมุง ได้มีการขุดทรายไปขายในพื้นที่พัทยากันอย่างมากมาย ทำให้สมบัติของชาติรั่วไหลเสียหาย ทำให้ทนไม่ไหว หากไม่พูด หรือทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ในฐานะตัวแทนของประชาชนทนไม่ได้เหมือนกัน อยากให้ทางจังหวัดชลบุรี และชลประทานที่รับผิดชอบมาชี้แจงข้อเท็จจริง

“ผมในฐานะกรรมาธิการงบประมาณจะต้องสอบถามจังหวัดชลบุรี กรมชลประทาน รวมทั้งรัฐบาล หากไม่สามารถตอบคำถามให้ชัดเจนได้ ก็จะแปรญัตติงบประมาณในรัฐบาลด้วยเช่นกัน ที่สำคัญกำลังจะมีการขุดทรายในน้ำอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่จะนำมาใช้ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จะเกิดการขุ่นข้นแล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไร” นายจิรวุฒิกล่าว