‘กรีนโพรดักส์’ (Green Product) หรือ ‘ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ไม่ใช่เรื่องใหม่ หากมองในมุมผู้บริโภค เราต่างรู้จักและคุ้นหูกับสินค้าเหล่านี้มาเป็นเวลานานหลายปี ไม่ว่าจะในเชิงของการผลิตจากวัสดุที่ลดการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การย่อยสลายง่าย ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ การเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ใช้ เนื่องจากปราศจากสารเคมีอันตรายที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว การประหยัดพลังงานหรือใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่กระบวนการผลิต กระบวนการใช้งาน ไปจนถึงกระบวนการกำจัด ดังนั้นการใช้กรีนโพรดักส์ นอกจากจะช่วยรักษ์โลกได้แล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย

ทว่าในปัจจุบัน ประเด็น ‘การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’ ที่เรียกได้ว่ากำลังเข้าขั้นวิกฤตและส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในแทบทุกมิตินั้น คล้ายกับเป็นสัญญาณเตือนให้เราต่างต้องตระหนัก ต้องปรับตัวในการเลือกสินค้าอุปโภคบริโภคให้มากขึ้น ‘กรีนโพรดักส์’ จึงกลายเป็น ‘ทางเลือกสำคัญ’ ที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาคธุรกิจและอุตสหกรรมต่างๆ จึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดรับในเรื่องของความยั่งยืนและตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค

เช่นเดียวกันกับ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor หรือ SCGD ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน ที่ล่าสุดได้เดินหน้าการผลิตที่โรงงาน ‘แผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO’ ภายใต้งบลงทุนกว่า 138 ล้านบาท พร้อมกำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยชูจุดแข็งด้านซัพพลายเชนและ ‘นวัตกรรมรักษ์โลก’ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในอาเซียน รายแรกและรายเดียวที่ตั้งเป้าหมาย ‘ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์’ (NET ZERO) ภายในปี 2050 ทั้งยังเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็น 80% เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 15% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกระบวนการผลิตลง 25% ภายในปี 2573

‘แผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO’ ที่ว่านี้ มีส่วนผสมของพลาสติกไวนิลพีวีซี 70% แคลเซียมคาร์บอเนต 25% และวัสดุเคลือบกันรอย 5% โดยมีจุดเด่นตั้งแต่ทนทานต่อการใช้งาน, ป้องกันรอยขีดข่วน, กันน้ำได้ 100%, กันปลวก, ติดตั้งง่าย ด้วยระบบ clicklock, ปราศจากฟอร์มาลดีไฮค์ หรือสารพิษอื่นๆ ไม่ใช้กาวติดตั้ง, ผลิตจากวัสดุ Virgin Materials 100% และระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากไปกว่านั้น การผลิตยังเป็น Non-Firing ที่ไม่ผ่านการเผา ทำให้ไม่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ

สำหรับกระบวนการผลิตแผ่นปูพื้นและตกแต่งผนัง SPC ทาง SCGD ได้นำประสบการณ์และเทคโนโลยีการผลิตมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการติดตั้งระบบดูดกลิ่น (Air purifier) ระบบดักจับฝุ่น (Dust collector) ที่เกิดจากกระบวนการผลิต รีไซเคิลของเสียที่เกิดจากกระบวนกระบวนการรีด (Extrusion) กระบวนการตัด และการเซาะร่อง (Cutting and Slotting) ดังนั้นสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์และสอดรับกับเทรนด์รักษ์โลก จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจตกแต่งพื้นผิวของ SCGD เนื่องจากเป็นวัสดุปูพื้นและบุผนังประเภทใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง

“ปัจจุบันสินค้านวัตกรรมและสินค้ารักษ์โลกของ SCGD ส่วนใหญ่ยังขายอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก และยังมีโอกาสอีกมากที่จะนำสินค้าเหล่านี้รุกเข้าไปทำการตลาดในอาเซียน  แต่ในสถานการณ์ที่ยังคงรอตลาดฟื้นตัว สิ่งที่เราดำเนินการ คือ ปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้เหมาะกับสถานการณ์ตลาดในแต่ละประเทศ โดยมุ่งเน้นการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  ที่สำคัญ บริษัทฯ ยังได้เร่งเจรจากับกลุ่มพันธมิตร เพื่อให้มีความคืบหน้าในเรื่องการร่วมลงทุนขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ ธุรกิจวัสดุปิดผิวและวัสดุตกแต่งหลากหลายประเภท ทั้งนี้ หากตลาดอาเซียนพลิกฟื้นในระยะสั้นก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการเจรจาโครงการความร่วมมือต่าง ๆ และจะช่วยหนุนเร่งสร้างการเติบโต 2 เท่าให้เป็นไปตามแผนงานภายใน 5 ปี ได้” ‘นำพล มลิชัย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) (SDGD) กล่าว

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอบรับกับเทรนด์ความต้องการของตลาด ยังมีผลิตภัณฑ์ แผ่นดินเหนียว Eco Clay’ และ ‘แผ่นหินวีเนียร์’ ซึ่งกระเบื้องที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรักษ์โลก ที่สามารถดูดซับความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิ มีลักษณะบาง เบา ลดภาระการขนส่ง ทั้งยังทนทาน ใช้ได้กับงานภายในและภายนอก ตลอดจนมีความสวยงาม สามารถดัดโค้งได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ SCGD ยังตอกย้ำการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการ ‘พัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลก’ ตลอดจนกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ‘ภายใต้มาตรฐานระดับโลก’ ผ่านการดำเนินงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี กลุ่มผลิตภัณฑ์หมวดสุขภาพและความสะอาด กระเบื้องดักจับฝุ่น, ผลิตภัณฑ์หมุนเวียน ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวัสดุหมุนเวียน 5% -80%, สุขภัณฑ์ที่ลดการใช้น้ำลง 20%-37%, ผลิตภัณฑ์ที่มีสารประกอบอินทรีย์ระเหยต่ำ กระเบื้องและกระเบื้องไวนิล ที่มีค่าสารประกอบอินทรีย์ระเทย ต่ำ (น้อยกว่า 0.5 มก./ลม.ม), เชื้อเพลิงทางเลือก เพิ่มลัดส่วนการใช้พลังงานชีวมวล จาก 17.6% เป็น 46% ในปี 2573 เปลี่ยนแหล่งพลังงาน เพิ่มสัดส่วนพลังงานแสงอาทิตย์ จาก 10.6% เป็น 15% ภายในปี 2573 เพิ่มลัดส่วนการใช้รถพลังงานไฟฟ้า เป็น 55% ภายในปี 2573 และปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อลดพลังงานอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังงานจากชีวมวลที่เสร็จสิ้นแล้ว อย่าง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเตาเผากระเบื้อง โครงการติดตั้งแผงโซลาเชลล์ หนองแค สระบุรี และโครงการเพิ่มการใช้พลังงานชีวมวล ที่โรงงานหินกอง โรงงานหนองแค 1 และ 2 สามารถลดต้นทุนได้กว่า 135 ล้านบาทต่อปี

“SCGD เป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวที่มีสายการผลิตแผ่นปูพื้นและตกแต่งผนัง SPC ในประเทศไทยเป็นของตนเอง โดยดำเนินโครงการบริหารจัดการพลังงานมาอย่างต่อเนื่องในฐานการผลิตต่าง ๆ ทั้งในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อจัดการของเสียจากการผลิตและใช้ทรัพยากรหมุนเวียนให้เกิดคุณค่า รวมถึงนำเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันสามารถบริหารต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นำพล กล่าวทิ้งท้าย