เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานบูรณาการเพื่อการปราบปรามและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พล.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า ส่งออก การมีไว้ในครอบครอง โดยเฉพาะการจำหน่ายให้กับเยาวชน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น เป็นตุ๊กตา เป็นโมเดล หรือเป็นสมาร์ตวอตช์ ที่รูปร่างภายนอกเหมือนนาฬิกาทั่วไป แต่ข้างในกลับเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้การสูบบุหรี่ยังนำไปสู่การใช้ยาเสพติดอื่นๆ เราจึงต้องตัดตอนกระบวนการของบุหรี่ไฟฟ้า

ด้าน พล.ต.วิทยา กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ห้ามนำเข้า ส่งออก หรือครอบครอง ฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 246 การมีไว้ครอบครองมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับเป็น 4 เท่าของราคาของ หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดเป็นของกลางได้ ส่วนความน่ากังวลคือปัจจุบันมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นภาชนะในการเก็บสารเสพติดอย่างอื่น เช่น เคตามีน โดยมีการซ่อนไว้ในตัวบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เหมือนเป็นการสูบบุหรี่ แต่จริงๆ แล้วดมสารเสพติด นอกจากนั้น ยังซ่อนไว้เผื่อว่าโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไป ก็จะโดนโทษแค่บุหรี่ไฟฟ้า แต่จริงๆ แล้วมียาเสพติดอื่นอยู่ด้วย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีการตรวจอย่างละเอียด เช่น การตรวจปัสสาวะ การจำแนกสารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งถ้าเจอว่ามีสารเสพติดก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564

แหล่งข่าวกล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เวลาตำรวจไปเจอคนสูบก็จับ แต่เมื่อปีที่ผ่านมา มีบันทึก ตร. ให้ลดขั้นตอนทางปฏิบัติไม่ให้มีผลกระทบรุนแรงกับประชาชนทั่วไปมากนัก ไม่ได้ลงโทษรุนแรงถึงขั้นปรับเต็มจำนวน 500,000 บาท จำคุก 5 ปี ดังนั้นก็จะมีการแจ้งข้อหาทั่วไป และหันไปเน้นการดำเนินการกับรายใหญ่ ร้านค้า โดยเฉพาะรอบๆ สถานศึกษา ซึ่งล่าสุดจับรายใหญ่เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา จับรายใหญ่ย่านนนทบุรี มูลค่าของกลางกว่า 20 ล้านบาท ตรวจสอบพบการลักลอบมาจากต่างประเทศ ตามชายแดนต่างๆ แต่ที่จับได้มากที่สุด คือชายแดนมาเลเซีย เป็นสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีน ซึ่งด่านมาเลเซียนี้ จะจับได้มากกว่าพื้นที่อื่น 2-3 เท่า ทั้งนี้การจับกุมการลักลอบนำเข้านั้นพบมากขึ้นทุกๆ ปีอย่างชัดเจน เพราะมีปริมาณความต้องการใช้มากขึ้น โดยเฉพาะการเจาะกลุ่มเด็ก เยาวชน ดูจากรูปแบบพอตที่ออกมาเป็นตุ๊กตา เดี๋ยวก็มีลาบูบู้ออกมา เพื่อจูงใจ.