ในวาระครบรอบ 21 ปี ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มุ่งเน้นการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลาด้วยเทคโนโยลีดิจิทัล การเสริมสร้างทักษะอาชีพและการมีรายได้ระหว่างเรียน เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพ การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย ตลอดจนการสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาให้เป็นสถานศึกษาเรียนดีมีความสุขตามนโยบายของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  ที่ต้องการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา และลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง

โดยในส่วนการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ได้พัฒนาหลักเกณฑ์วิธีการแต่งตั้งโอนย้ายของครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ในภูมิลำเนาที่ตรงกับความประสงค์ของตนเอง เน้นพิจารณาด้วยความโปร่งใสและไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ขณะที่การลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง ประกอบด้วย การจัดการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา(AnywhereAnytime) เรียนฟรีมีงานทำยึดผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง”มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา จัดให้มีโรงเรียนคุณภาพ 1 โรงเรียนต่อ 1 อำเภอพัฒนาระบบการแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิตให้เป็นรูปธรรม การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษาและประเมินผลการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย ผู้เรียนเรียนรู้และมีรายได้ระหว่างเรียนจบแล้วมีงานทำ

สำหรับนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568  ประกอบด้วย การจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และประชาธิปไตยปรับกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ ทันสมัย และการบริหารจัดการ ที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการอ่าน เพื่อเป็นวิถีในการค้นหาความรู้และต่อยอดองค์ความรู้ที่สูงขึ้น ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จัดการศึกษาแบบเรียนรวม จัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ เพิ่มโอกาสและสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา  และพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา

ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ในวันที่ 7 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยในปี 2567 นี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่สพฐ.ครบรอบ 21 ปี ซึ่งตามวิสัยทัศน์ของชาวการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น คือ สพฐ.องค์กรคุณภาพ สร้างคนดี มีความสุข  โดยในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 หากเปรียบเสมือนคนก็เท่ากับว่าได้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ดังนั้นเราจะต้องนำนโยบายเรียนดีมีความสุข ของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ สู่การปฎิบัติให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และฝากให้ชาวการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนต้องขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อครูและนักเรียนให้มากขึ้น เพราะเมื่อเร็วๆนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้ชี้แจงในการประชุมอภิปรายพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า เราต้องปฎิวัติการศึกษาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ชาวสพฐ.ทุกคนจะต้องทำงานเชิงรุก เพื่อไปสู่เป้าหมายการยกระดับคุณภาพการศึกษา

เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้เราจะกลับมาออกแบบและทบทวนการทำงานของพวกเราชาวสพฐ.ทุกคนว่า พวกเราจะขับเคลื่อนงานไปสู่เป้าหมายของนโยบายเรียนดีมีความสุขได้อย่างไรบ้าง ซึ่งบุคลากรของสพฐ.และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ จะต้องทำงานอย่างหนักและมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการนโยบายลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดภารนักเรียนและผู้ปกครอง การสร้างความเสอมภาคทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และการเรียนรู้ได้ทุกทีทุกเวลาได้อย่างไร อีกทั้งชาวสพฐ.จะต้องเรียนรู้และก้าวให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้เด็กเกิดสมรรถนะการเรียนรู้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ สะเต็มศึกษา รวมถึงการฝึกให้เด็กอ่านคิดวิเคราะห์เป็น เพราะจะนำไปสู่พื้นฐานของการเรียนในวิชาอื่นๆและการทดสอบได้ อย่างไรก็ตามจากนี้ไปชาวสพฐ.จะต้องขับเคลื่อนงานแบบครบวงจร เป็นองค์กรที่มีคุณภาพ ทำงานเป็นทีมเดียวกันภายใต้เป้าหมายเดียวกัน

ก้าวย่างเข้าสู่ปี 2567 ซึ่งนับได้ว่าครบรอบ 21 ปีแล้ว หากเป็นปุถุชนคนหนึ่งอาจถือได้ว่าอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ในอนาคต แต่เมื่อเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศ จึงยกให้ “สพฐ.” ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว พร้อมทำงานอย่างแข็งขันเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศ ให้เกิดความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ เกิดสมรรถนะที่จำเป็น และยกระดับการศึกษาของไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ