ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมโฟกัส จบไม่จบศึกสีกากี  ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีหนังสือคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา  ขณะพล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล  รอง ผบ.ตร. ถูกย้ายกลับมาก่อนหน้าตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. แต่วันเดียวกันนั้นพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ขณะนั้นมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงยังไม่ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่  อยู่ระหว่างรอผลอุทธรณ์คำสั่งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.) หลังคำสั่งคืนรัง การเคลื่อนไหวทั้งสองฝ่ายกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ส่วนจะจับสัญญาณเป็นอย่างไร“เดลินิวส์ออนไลน์” ย้อนจังหวะก้าว 2 บุคคลสำคัญไว้ ดังนี้

                เริ่มที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แม้จะถูกจับจ้องก้าวย่างการกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ว่าจะเปิดใจกับสื่อมวลชนเลยหรือไม่ แต่สุดท้ายในห้วงสัปดาห์แรกกลับแทบไม่ปรากฎตัว มีเพียงช่วงเย็นของวันที่ 21 มิ.ย. เวลา 17.09 น. คล้อยหลัง 1 วันหลังคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ สื่อทันจับภาพ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ดอดเข้าตร.ด้วยท่าทีรีบร้อนและปฏิเสธไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ ท่ามกลางกระแสข่าวลือหึ่ง เตรียมลาออกไปรับตำแหน่งอื่น

                วันที่ 26 มิ.ย. ปรากฎตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางวาระนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนายกฯเป็นประธาน โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ลงมาต้อนรับและร่วมประชุมด้วยสีหน้าและท่าทางยิ้มแย้ม พร้อมทักทายสื่อ  แต่ก็ยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

                วันที่ 28 มิ.ย. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เริ่มปรากฎตัวลงพื้นที่ปฏิบัติงาน จากการเดินทางไปยัง จ.เชียงราย ตรวจเยี่ยม สภ.แม่จัน และด่านกิ่วทัพยั้ง และกำชับการปฏิบัติงานด้านสกัดยาเสพติด

                วันที่ 1 ก.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ควงภริยา นางนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นประธานมอบทุนการศึกษาสมาคมแม่บ้านตำรวจประจำปี 2567 ที่ตร.ช่วงเช้า จากปกติเป็นภารกิจที่มักแจ้งหมายล่วงหน้า  ยกเว้นครั้งนี้ที่ไม่มีการแจ้งหรือเชิญร่วมทำข่าว มีเพียงทีมสารนิเทศ ตร.จัดส่งข่าวแทน  ก่อนที่วันเดียวกันนั้นพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิดหน้าแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา

                วันที่ 3 ก.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ควงพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ และผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลปฏิบัติการยุทธการ “พิทักษ์ประชาราษฎร์ 767” ที่กองบังคับการปราบปราม และเป็น“ครั้งแรก”ที่ยอมเปิดใจกับสื่ออย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะปมกระแสข่าวเตรียมลาออก ไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างบิ๊กตำรวจด้วยกัน โดยยืนยันตนเองกลับมาทำงานตามปกติ ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร ทุกคนในตร.ทำงานและอยู่กันแบบพี่ๆน้องๆ

                ส่วนกระแสข่าวว่าจะลาออกก่อนเกษียณอายุราชการเดือน ก.ย.นั้น เป็นเรื่องที่พูดกันไป ยังไม่มีอะไร ยืนยันว่าทำงานเต็มที่ ทำหน้าที่ให้ดีแค่นั้น หมดหน้าที่ก็ไป และยืนยันว่ายังทำงานได้อย่างสบายใจ ไม่หนักใจเรื่องการชี้แจงบ้านพักที่ประเทศอังกฤษกับป.ป.ช. 

                วันที่ 4 ก.ค.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปรากฎตัวอีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล และปฏิเสธให้ความเห็นประเด็นที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นเอาผิด นายกฯ ต่อป.ป.ช. กรณีแต่งตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร. รวมถึงข้อสังเกตเหตุผลที่ถูกเสนอชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ  และเลี่ยงการตอบคำถามถึงปัญหาในตร.ที่ยังไม่จบและลามไปถึงนายกฯ ระบุเพียงปล่อยไปตามกระบวนการ

                ส่วนความเคลื่อนไหวของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลังเริ่มปรากฎตัวครั้งแรกผ่านสื่ออีกครั้ง ก็มีจังหวะเคลื่อนไหวที่สร้างแรงกระเพื่อนต่อเนื่อง  โดยเฉพาะประเด็นความไม่ชอบธรรมจากการถูกให้ออกจากราชการ

                วันที่ 24 มิ.ย. ปรากฎตัวกับสื่อจากการเดินทางไปตามนัดศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา  แต่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เลื่อนนัด  เปิดไมค์รอบใหม่ ตั้งข้อสังเกตคำสั่งให้ออกจากราชการของตัวเองเป็นไปโดยมิชอบ

                วันที่ 25 มิ.ย. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินเครื่องยื่นฟ้อง ก.ตร. ยศพล.ต.อ. กูรูด้านกฎหมาย เอาผิดข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเรียกเงิน 10 ล้านบาท กรณีให้สัมภาษณ์พาดพิงทำให้คนเข้าใจว่าตนเองพัวพันเว็บพนันออนไลน์  โดยระบุตอนหนึ่งว่า แม้ศาลจะออกหมายจับในคดีเว็บพนันออนไลน์ แต่เพราะไม่ไปตามหมายเรียกไม่ใช่เพราะกระทำความผิด การที่กูรูท่านนั้นมีหน้าที่เพียงตรวจสอบและรายงานนายกฯ ไม่ได้มีหน้าที่ออกมาพูดวินิจฉัยเรื่องคดี หรือพิพากษาแทนศาล ประกอบกับที่ศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด จึงถือว่าตนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ การที่กูรูให้ความเห็นชี้นำสังคมให้เชื่อไปแล้วว่า ได้รับเงินเว็บพนันจริงหรือมีความผิดในเรื่องฟอกเงิน จึงเข้าข่ายหมิ่นประมาท

                วันที่ 27 มิ.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปรากฎตัวเปิดใจอีกครั้งถึงความไม่ชอบธรรม และผิดขั้นผิดตอนในกระบวนการให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมประเมินหลังรอผลลัพธ์ ก.พ.ค.ตร. อาจใช้สิทธิยื่นศาลปกครอง และหากผลยังเป็นลบจะยอมจบเรื่องนี้

                วันที่ 28 มิ.ย. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ยื่นฟ้องกูรูด้านกฎหมายเพิ่มเติม รอบนี้เป็นอดีตตำรวจ ยศ พล.ต.ต.ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท โดยจะทยอยฟ้องกูรูอื่นเพิ่มเติมอีกหากยังออกมาให้ความเห็นพาดพิงกระทบสิทธิ

                ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งระบุเหตุที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ไม่ยอมเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน อาจเพราะทำใจไม่ได้ว่าทำผิดไปแล้ว จึงไม่กล้ากลืนน้ำลายตนเอง

                วันที่ 29 มิ.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางไปสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ท่ามกลางการต้อนรับและให้กำลังใจจากชาวใต้ 14 จังหวัด ระบุไม่คิดใช้มวลชนกดดันผล ก.พ.ค.ตร. เพราะแค่ดูในโซเชียลก็มีการให้กำลังใจอย่างล้นหลามแล้ว และไม่กังวลกับการถูกฟ้องกลับจากคู่กรณีที่ไล่ฟ้อง ชี้ใครก็ฟ้องร้องได้แต่ต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณาว่ามีหลักฐานหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ได้เกลียดกันยังนับถือเป็นพี่น้องเหมือนเดิม

                วันที่ 1 ก.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปตามนัดฟังคำไต่สวนแต่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เลื่อนนัดเป็นครั้งที่ 2 โอกาสนี้ได้ให้สัมภาษณ์ถึงมติก.พ.ค.ตร.หากออกมาเป็นคุณ แต่ที่ผ่านมาไล่ฟ้องก.ตร. หากกลับไปนั่งแคนดิเดตผบ.ตร.จะมีใครเลือกหรือไม่ว่า เลือกหรือไม่เลือกก็ไม่เป็นไร เพราะตนเองเป็นอะไรก็ได้ เพียงต้องถูกต้องและเป็นธรรม

                วันที่ 3 ก.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปป.ป.ช.โดยวันเดียวกันนี้มีการยื่นฟ้องนายกฯปมแต่งตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร. อีกครั้งหลังเคยยื่นและถอนออกไป  โดยการยื่นครั้งใหม่เพราะมองว่าการพิจารณาตำแหน่งผบ.ตร.ต้องยึดหลักลำดับอาวุโสและความรู้ประสบการณ์ด้านสืบสวนสอบสวนและงานป้องกันและปราบปราม ขณะที่นายกฯให้เหตุผลเมื่อครั้งแต่งตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ว่า สามารถตอบสนองนโยบายรัฐบาลได้ และเป็นที่ไว้วางใจ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการพ.ร.บ.ตำรวจฯ ปัดไม่ใช่การไล่เช็กบิลแต่ทำเพื่อปกป้องสิทธิ

                พร้อมมองว่าการให้สัมภาษณ์ของนายกฯที่ว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งกับตนและผบ.ตร.เป็นเพียงแค่วาทกรรม ซึ่งการยื่นกล่าวหาครั้งนี้ ไม่ได้โกรธเคืองเป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากนายกฯทำผิดกฎหมายก็ต้องทำตามกฎหมาย

                และล่าสุดวันที่ 5 ก.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ตามนัดไต่สวนคดีที่เป็นโจทก์ฟ้องนายอัจฉริยะ  เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา.