เมื่อวันที่ 4 ก.ค. พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ให้สัมภาษณ์ที่บูธขององค์การเภสัชกรรม ภายในงานมหกรรม สมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 3-7 ก.ค. 2567 ที่ อาคาร 11-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า อภ. มีการกำหนดยุทธศาสตร์หลักในปี 2567 “PLANTXGPO” ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรขององค์การเภสัชกรรม และร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน และภาคการศึกษา ส่งเสริมนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทย เพื่อเพิ่มมูลค่า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ  

ทั้งนี้ได้ แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 หมวดย่อย ประกอบด้วย 1. หมวดยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสำคัญจากพืชเป็นหลัก เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ด้านการกีฬา อาทิ สเปรย์พ่นและบาล์มเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดขมิ้นชันสูตรเสริมความแข็งแรงของกระดูกและข้อ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบำรุงร่างกาย, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดจากกะหล่ำปลีและหม่อนที่มีสารสำคัญที่ช่วยในการชะลอวัย และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเม็ดเคี้ยวเพื่อให้เกิดความสดชื่น เป็นต้น 2. Plant based Cosmetics – Hair serum ใช้สารสกัดจากจมูกข้าว และแก่นมะหาด ซึ่งมีสารสำคัญช่วยบำรุงหนังศีรษะและเพิ่มการเจริญเติบโตของ hair follicle keratinocytes, ผลิตภัณฑ์ Luminous Botanic oilets serum บำรุงผิวชะลอวัยที่ใช้สารสกัดสำคัญจากเกสรดอกบัวหลวง และ exosome ของดอกกุหลาบ และ 3. Spa herbal preparations ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ลูกประคบ และน้ำมันหอมระเหย

สำหรับตัวแรกกำลังจะส่งออกไปต่างประเทศ คือ NMN จะเป็นสารตั้งต้นที่จะทำให้เป็น NAD+ ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี 3 ซึ่ง อภ. สามารถผลิตต้นแบบที่เป็นสารสกัดจากอโวคาโด กะหล่ำปลี และบรอกโคลี แต่เลือกทำที่เป็นสารสกัดจากอโวคาโด ในขนาด 250 มิลลิกรัม เพื่อส่งออกไปให้กับลูกค้าต่างประเทศที่มีการติดต่อประสานงานเข้ามาแล้ว ที่ต้องส่งออกก่อนเนื่องจากสารตัวนี้ ในประเทศไทยอนุญาตให้ใช้ได้เพียง 20 มิลลิกรัม แต่ในต่างประเทศอนุญาตให้ได้ถึง 250 มิลลิกรัม ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นแบบ Export Only เพราะ อภ. จะผลิตขนาด 250 มิลลิกรัม ซึ่งยังไม่อนุญาตในประเทศ แต่สามารถส่งออกไปในประเทศที่อนุญาตให้ใช้ในปริมาณดังกล่าวได้ และคาดว่ามูลค่าตลาดของ อภ. ในปีงบประมาณ 2567 จะอยู่ที่ราว 200 ล้านบาท.