สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่า สำนักบริหารพลังงานแห่งชาติของจีน (เอ็นอีเอ) เผยแพร่รายงานพลังงานรายเดือน ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยของแหล่งผลิตแต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็น น้ำ, ความร้อน, นิวเคลียร์, ลม และแสงอาทิตย์ โดยตลอดปีนี้ ตัวเลขชี้ให้เห็นถึงการใช้แผงโซลาร์เซลล์ที่ลดลง เนื่องจากเครือข่ายมีภาระมากเกินไป จนทำให้ต้องปิดระบบในช่วงเวลาที่มีการผลิตไฟฟ้าสูงสุด

อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาถึงเดือน พ.ค. มีรายละเอียดการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยจากทุกแหล่งผลิตเท่านั้น โดยเอ็นอีเอ ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลที่ขาดหายไป แต่มีการคาดการณ์ว่า อัตราการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานลมกับพลังงานแสงอาทิตย์ จะลดลงอีก หลังรัฐบาลปักกิ่งผ่อนปรนกฎระเบียบการใช้พลังงานหมุนเวียน ในเดือน พ.ค.

ทั้งนี้ จีนมีประวัติหยุดเปิดเผยตัวเลขที่บ่งชี้ถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างเงียบ ๆ เช่น การหยุดเปิดเผยอัตราการว่างงานของเยาวชนเป็นการชั่วคราว เมื่อปีที่แล้ว หลังจากตัวเลขพุ่งสูงจนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก

หากพูดถึงเรื่องพลังงานสะอาด รัฐบาลปักกิ่งมักไม่มีอะไรต้องปิดบัง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำระดับโลกในการใช้พลังงานหมุนเวียน และสร้างห่วงโซ่อุปทานสำหรับแผงโซลาร์เซลล์, แบตเตอรี่ และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งทำให้เทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ มีราคาลดลงทั่วโลก

แต่ความสำเร็จดังกล่าว ทำให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ พัวพันกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้บรรดาผู้นำจีน ต้องออกมาปกป้องสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็น “เครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ” รวมถึงการสร้างอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของแผงโซลาร์เซลล์ และกังหันลม.

เครดิตภาพ : AFP