สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ว่า ทีมงานฝ่ายกฎหมายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางในเขตแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก ขอให้ศาล “พิจารณาเพิกถอนคำชี้ขาด” และเลื่อนการประกาศบทลงโทษแก่ทรัมป์ ซึ่งตามกำหนดการปัจจุบัน คือวันที่ 11 ก.ค. ที่จะถึง


ทั้งนี้ คณะลูกขุนของศาลรัฐบาลกลางในเขตแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก มีมติเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ทรัมป์ มีความผิดจริงตามคำฟ้องทั้ง 34 กระทง จากการปลอมแปลงข้อมูลทางการเงิน โดยอัยการกล่าวหา ว่าอดีตผู้นำสหรัฐปกปิดข้อมูลและใช้เงินด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อเจตนากระทำการผิดกฎหมาย ให้นายไมเคิล โคเฮน ทนายความในเวลานั้น นำเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.78 ล้านบาท) ไปจ่ายให้แก่ น.ส.สตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ เพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงเปิดโปงความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ระหว่างเธอกับทรัมป์


ความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยทีมทนายความของอดีตผู้นำสหรัฐ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังคณะตุลาการศาลฎีกามีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง ว่าทรัมป์ “ยังคงมีสถานะคุ้มกัน” จากการดำเนินคดีทางอาญา หาก “ภารกิจนั้นเกี่ยวข้องกับตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ” และเกิดขึ้นระหว่างที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี


อย่างไรก็ตาม มติของศาลฎีกาเน้นย้ำว่า ทรัมป์อาจเผชิญกับการดำเนินคดี และการรับโทษทางกฎหมาย หากเป็น “การกระทำส่วนบุคคล” และเกิดขึ้นนอกเวลาปฏิบัติหน้าที่ราชการ อดีตผู้นำสหรัฐจะไม่ได้รับสิทธิคุ้มครอง

ส่วนคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของนายจอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานศาลฎีกา ระบุว่า แน่นอนว่า ประชาชนทุกคนในสหรัฐต้องอยู่ใต้กฎหมาย รวมถึงประธานาธิบดี แต่ผู้ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ “มีสิทธิคุ้มกัน” จากการถูกดำเนินคดีอาญา “ที่เกิดขึ้นระหว่างการอยู่ในวาระ” และ “เป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ”


อนึ่ง ทีมงานของทรัมป์ให้เหตุผลต่อศาลศาลรัฐบาลกลางที่นครนิวยอร์ก ว่าการฟ้องร้องของอัยการเกี่ยวข้องกับ “พฤติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างทรัมป์ยังดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ” โดยอ้างถึงการโพสต์บนโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ได้ระบุชัดเจน เรื่องการจ่ายเงินให้กับแดเนียลส์ ซึ่งเป็น “แกนกลาง” ของคดี.

เครดิตภาพ : AFP