ในวันนี้พบว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.พรรคก้าวไกล และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังคงมีคะแนนนิยมนำเป็นอันดับ 1 มาโดยเฉพาะ ทิ้งห่าง “นายกฯ” เศรษฐา ทวีสิน คะแนนความนิยมในตัวมาเป็นอันดับ 3 ตามมาด้วยพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย อันดับ 5

ลักษณะอารมณ์ของการบริหารงานรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” และพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการบริหาร เวลานี้จะขยับตัวไปทางไหนก็โดน ส่วนหนึ่งอาจเป็นความเบื่อหน่ายของคนไทย ที่มองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะหากพิจารณาจากความรู้สึกของชาวบ้านส่วนใหญ่เวลานี้ถือว่ายังไม่น่าพอใจ และยังมองไม่เห็นแนวกระเตื้องขึ้นมาในอนาคตอันใกล้ ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก หากความรู้สึกของชาวบ้านเป็นแบบนี้ไม่ค่อยแฮปปี้แบบนี้

งานนี้ “นายกฯ เศรษฐา” ออกมายอมรับภายหลังผลโพลยังเป็นรองว่า “มันก็มีหลายจุด และต้องยอมรับว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ แต่ก็มีการปรับยุทธศาสตร์ในการทำงานตลอดเวลา จะมีโพลหรือไม่มีโพลก็ตาม ทุกครั้งเวลาลงพื้นที่เวลากลับไปจะมีการพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ใช่แค่ลงพื้นที่อย่างเดียว นโยบายต่างๆ หรือการที่จะมีการปรับโครงสร้าง และการดูแลประชาชนในหลายๆ ด้าน เราคงมีการปรับตัว โพลก็เป็นส่วนหนึ่งที่ให้ฟีดแบ็กกับเรา”

ขณะที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ออกอาการปลื้มผลโพลที่พรรคก้าวไกลเนื้อหอมสุดๆ ว่า “ต้องขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชน ที่ร่วมทำโพล และให้ความไว้วางใจ พรรคก้าวไกลเราจะไม่ทำให้ทุกท่านต้องผิดหวัง และเป็นเครื่องเตือนใจว่าเรายิ่งต้องทำงานให้หนักขึ้นสมกับความคาดหวัง ยิ่งคาดหวังเยอะ เราก็ต้องทำงานหนักเต็มที่ เราต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานหนัก ไม่ต้องรู้สึกผิดหวังจากตัวเลขที่ลดลง และต้องมีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนอยู่เสมอ ซึ่งก็ขอเป็นกำลังใจให้ นายกฯ เศรษฐา”

ต้องยอมรับว่าปัญหาที่เริ่มถาโถมเข้าใส่รัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ หนีไม่พ้นปัญหาเรื่องค่าครองชีพ ปัญหาหนี้สินของชาวบ้านที่เชื่อมโยงกับเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ซึ่งเรื่องปากท้องของชาวบ้าน นับเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชาวบ้านทุกคนสัมผัสได้ จนเวลานี้มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เรื่องแพงทั้งแผ่นดิน แม้ว่าหากพิจารณาแล้วปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ หรือวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ชาวบ้านก็คงไม่ฟัง เพราะสิ่งที่ต้องการสัมผัส คือ ชีวิตความเป็นอยู่ต้องไม่ลำบาก ไม่มีหนี้สิน หรือลดลง มีรายได้มากกว่าเดิม

ตามสถานการณ์วงการเซียนทั้งคำพูดและคำยืนยันของนายกฯ เป่ามนต์คาถาสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนแต่ความรู้สึกของชาวบ้านสะท้อนผ่านทางผลสำรวจโพลที่ออกมา สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของตัวนายกฯ เองและพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำรัฐบาลว่าผลงาน “ยังไม่เข้าตา” ยิ่งยกระดับเพิ่ม “แรงเสียดทาน” ทำให้เพื่อไทยต้องลากกันเหนื่อยไปใหญ่อีกยาวไกลแน่นอน.