นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานเปิดงาน น้อยหน่าและของดีปากช่อง มอบรางวัลผู้ชนะการประกวดน้อยหน่าและผลไม้ และเป็นประธานตักลูกปิงปองปฐมฤกษ์ตลับมัจฉานาวากาชาด เพื่อหากองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากไร้ ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ ณ สนามข้างโรงทอกระสอบ ริมถนนมิตรภาพสายเก่า ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โดยมี นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นายอำเภอปากช่อง นายกกิ่งกาชาดอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย นายบัณฑิต เกิดมงคล เกษตรอำเภอปากช่อง นางสาวพรรณิภา ไกรรักษ์ พัฒนาการอำเภอปากช่อง ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา นายเกียรติศักดิ์ ผาสุข รองนายกกิ่งกาชาดอำเภอปากช่อง นางชินพร ณิรังโส ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอปากช่อง และกลุ่มอาชีพ OTOP สมาชิกกิ่งกาชาด พัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มสตรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เทศบาล อบต. กลุ่มเกษตรกรชาวสวนผลไม้ ร่วมพิธีเปิดเทศกาลงานน้อยหน่าและของดีปากช่อง ประจำปี 2567 โดยการจัดงานมีกำหนด 12 วัน 12 คืน ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 67 ถึง วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ณ สนามข้างโรงทอกระสอบ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โดย นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นายอำเภอปากช่อง กล่าวถึงที่มาการจัดงานเทศกาลงานน้อยหน่าและของดีปากช่อง ประจำปี 2567 เดิมทีกำหนดจัดงานน้อยหน่าและของดีปากช่อง ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน–วันที่ 10 กรกฎาคม 67 การจัดงานน้อยหน้า ถือเป็นงานเทศกาลผลไม้ นานาชนิดที่กำลังมีผลผลิตในช่วงนี้
วัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอปากช่อง ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนนำผลผลิตออกมาจำหน่ายในช่วงฤดูกาล ซึ่งจะมีผลไม้หลากหลายที่ปลูกในพื้นที่ โดยเฉพาะน้อยหน่า ที่มีพื้นที่ปลูกมากกว่า 2,000 ไร่ จะมีการปลูกน้อยหน่า 3 สายพันธุ์ เช่น น้อยหน่าพันธุ์หนัง เนื้อเหนียวนุ่มหวาน พันธ์ุฝ้าย เนื้อขาวหวานนุ่ม และน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง ลูกโต กลิ่นหอมหวาน มะม่วง องุ่น แก้งมังกร อะโวคาโด อินทผลัม เริ่มทยอยนำออกจากสวนมาจำหน่าย รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับกิ่งกาชาดอำเภอปากช่อง เป็นกองทุนนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้ป่วย ผู้พิการ และผู้ยากไร้
โดยเฉพาะน้อยหน่า ที่มีพื้นที่ปลูกมากกว่า 2,000 ไร่ จะมีการปลูกน้อยหน่า 3 สายพันธุ์ เช่น น้อยหน่าพันธุ์หนัง เนื้อเหนียวนุ่มหวาน พันธ์ุฝ้าย เนื้อขาวหวานนุ่ม และน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง ลูกโต กลิ่นหอมหวาน คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท อย่างแน่นอน
