เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ พ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ นำโดย พ.ต.ท.วัชรพงศ์ พวงบุตร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุรินทร์ พ.ต.ท.สทรัตน์ แก่นดี สว.สส. พร้อมชุมสืบสวน สภ.เมืองสุรินทร์, เจ้าหน้าที่ชุด กก.ดส.บช.น. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.3 นำหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ ลงวันที่ 25 มิ.ย. 67 เข้าจับกุม นายจาตุรงค์ อายุ 38 ปี ชาว จ.สุรินทร์ โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ใน ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ “บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น และทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น” เบื้องต้นให้การปฏิเสธ ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ดำเนินคดี

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรับร้องเรียนจาก น้องตาล (สงวนชื่อสกุลจริง) อายุ 19 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ว่า ช่วงเวลา 04.50 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มาพักที่แมนชั่นแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุรินทร์ ชั้น 2 ของแฟนหนุ่ม ขณะกำลังหลับและแฟนหนุ่มได้ออกจากห้องไปทำธุระ โดยได้บอก รปภ. ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมว่า เดี๋ยวจะมีเพื่อนน้องมาอยู่เป็นเพื่อนอีก 2 คน ช่วยเปิดคีย์การ์ดให้ขึ้นไปที่ห้องด้วย

จากนั้นผ่านไปเพียง 4 นาที (04.54 น.) มีผู้ต้องหาขึ้นมาบนห้อง และค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปขณะน้องตาลกำลังหลับ เพื่อจะข่มขืนท่ามกลางความมืด โดยใช้มือจับหัวจับแขนจับขา พร้อมกับเอามือไปจับคลำตามตัว ก่อนรู้สึกตัว แต่ด้วยหุ่นที่อ้วนแตกต่างจากแฟนทำให้รู้ว่าไม่ใช่แฟน จึงสู้สุดฤทธิ์และถีบคนร้ายออก และถามว่ามึงเป็นใคร ผู้ก่อเหตุจึงใช้กำปั้นต่อยเข้าที่ท้องและหน้าบริเวณหน้าผากทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับพยายามดันตัวกดกับเตียง ใช้หมอนปิดหน้า ใช้หัวเข่ากดคอและหน้าอก ซึ่งเหยื่อพยายามสู้และร้องตะโกนขอให้คนช่วยเสียงดังมาก จนข้างห้องซึ่งเป็นห้องพักของ ผจก.แมนชั่น ได้ยิน โทรฯ ขึ้นมาที่ห้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ทำให้ผู้ก่อเหตุเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งหลบหนีออกจากห้องไป จากนั้นไม่กี่นาที ก็มีผู้ก่อเหตุทำทีแสดงตัวเป็น รปภ. ถือไฟฉายมาเคาะห้อง สอบถามว่ามีอะไรไหมทำไมมีเสียงดัง เหยื่อซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคนก่อเหตุ จึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เพราะตอนถูกก่อเหตุ ห้องปิดไฟห้องมืดสนิทมองไม่เห็นหน้า แต่ก็รู้สึกสงสัยว่ารูปร่าง รปภ. นั้น ใกล้เคียงคนร้าย จากนั้นตนได้โทรศัพท์บอกแฟนก่อนเดินทางมาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับได้สอบถามกับ รปภ. ผู้ก่อเหตุ ซึ่งแฟนเหยื่อสังเกตว่า มีท่าทีพิรุธ มือไม้สั่นตลอดเวลา สอบถามก็ให้ข้อมูลเหมือนไม่ได้ก่อเหตุ

แฟนเหยื่อเลยบอกกับ ผจก.แมนชั่นว่าขอดูกล้องวงจรปิด เป็นใคร พร้อมกับสอบถามว่า รปภ. ผู้ก่อเหตุที่จ้างมาของบริษัทอะไร แต่ก็ไม่ได้รับความสะดวก ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไร จึงไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสุรินทร์ อีกครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อขอกล้องวงจรปิดกับทางแมนชั่น จึงทราบว่าเป็นนายจาตุรงค์ หรือ รปภ. เป็นผู้ก่อเหตุจริงๆ โดยวงจรปิดปรากฏภาพชัดว่าเป็นคนแอบเข้าไปสักพัก ก่อนวิ่งออกมาใส่เข็มขัด แล้วทำทีเป็น รปภ. มาช่วยผู้เสียหาย ซึ่งหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลักฐานคลิปกล้องวงจรปิดจากแมนชั่น นายจาตุรงค์ ไหวตัวทันชิงลาออกและหลบหนีไป จึงนำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับเข้าจับกุมตัวดังกล่าว

สอบสวน นายจาตุรงค์ ขณะถูกควบคุมมา สภ.เมืองสุรินทร์ เบื้องต้นเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจาก ผจก.แมนชั่น ว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องในห้องพักเลยขึ้นไปตรวจสอบ โดยการเคาะห้อง เพราะห้องล็อกอยู่ กระทั่งฝ่ายผู้หญิงจึงมาเปิดประตูให้ ก็เห็นผู้หญิงไม่ได้สวมเสื้อผ้าจึงตกใจ แต่ก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อพูดคุยสอบถาม และเห็นว่าผู้หญิงมีรอยช้ำที่หน้าเหมือนโดนกระแทก

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แล้วทำไมเข้าไปในห้องนาน แต่ทาง รปภ. ไม่ตอบ กลับอ้างว่าตอนนั้นตกใจ จึงวิ่งออกมาจากห้อง พอตั้งสติได้จึงเดินเข้าไปเคาะประตูอีกครั้ง จนผู้หญิงเดินนุ่งผ้าขนหนูออกมาคุยนอกห้อง ส่วนเข็มขัดตนที่หลุดนั้น เกิดจากเข็มขัดหลวม และที่ไปทำงานที่ จ.สมุทสาคร เพราะเป็นงานเร่งด่วน ไปทำงานได้ 3-4 วัน ก็มาถูกตำรวจจับกุม ทั้งนี้ขอปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำร้ายผู้หญิงและไม่ได้เข้าไปข่มขืน แต่เข้าไปเพราะไปตรวจสอบตามคำสั่งของ ผจก.แมนชั่น และตนก็เป็นคนโทรฯ แจ้งตำรวจเอง ถ้าทำผิดจะโทรฯ แจ้งตำรวจทำไม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ และการตรวจสอบประวัติพบเคยมีประวัติตามเก็บเงินกู้แต่ไม่นำเงินส่งนายจ้าง และมีประวัติลวนลามผู้หญิงบ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ หากมีใครเคยตกเป็นผู้เสียหาย ประสงค์จะดำเนินคดีให้มาแจ้งความดำเนินคดีได้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์