เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.มีรายงานว่า นายสุพี  อายุ 66 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 1 บ้านนายางกลัก ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วุฒิชัย ยืมสูงเนิน สว.(สอบสวน)สภ.เทพสถิ 1 ต หลังถูก มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หลอกลวงให้โอนเงินจำนวนกว่า 43,000 บาท

โดยนายสุพี ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา ได้มีสายโทรศัพท์เป็นเสียงผู้หญิง โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น แจ้งว่าตนได้นำเด็กผู้ชายไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เเละ ได้ทิ้งเด็กอายุประมาณ 3 ปี มาทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล โดยมิจฉาชีพแอบอ้างว่าเด็กถูกทำร้ายร่างกายมาได้รับบาดเจ็บ จึงได้ทำการรักษาและ ส่งมอบเด็กให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามหาญาติของเด็ก โดยมิจฉาชีพได้ทำทีท่าประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับให้ นายสุพี พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ซึ่งมิจฉาชีพก็ได้โอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้คุยสอบถามกัน เมื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่ตนกำลังคุยด้วยได้อ้างว่า ตนมีสิ่งของผิดกฎหมาย โดยมีการพูดคุยกันสักระยะ ก่อนที่ผู้ชายปลายสายจะให้ตนแอดไลน์เพื่อติดต่อพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องรูปคดี

โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ชื่อแอบอ้างเป็น นายตำรวจในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น พูดชี้แจงและเชิงข่มขู่ พร้อมกับให้ตนโยกเงินในบัญชีทั้งหมด โอนไปยังบัญชีของเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบ หากไม่โอนจะมีความผิดและบัญชีธนาคารจะถูกอายัด

ทั้งนี้นายสุพี  ด้วยความกลัวเงินในบัญชีจะถูกอายัด เพราะเป็นเงินเก็บจากประกอบอาชีพเป็นพนักงานเก็บน้ำปะปาในหมู่บ้าน โดยสะสมเก็บเงินมาเกือบทั้งชีวิต จึงเอาสมุดบัญชีเดินทางไปที่ร้านค้าที่รับโอนเงิน ทำธุรกรรมโอนเงินไปยังบัญชี นายเดชา  บัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 2 ครั้ง เป็นเงินรวมกันประมาณ 30,000 บาท นอกจากนี้ยังมีคนเข้ากับบัญชีธนาคาร ธกส. และธนาคารกสิกรไทย ธนาคารละกว่า 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 43,000 บาท โดยรายชื่อในบัญชีของมิจฉาชีพจะไม่มีรายชื่อซ้ำกัน

จนกระทั่งผ่านไปหลายวัน และรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงปรึกษาญาติและเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เทพสถิต ระหว่างแจ้งความแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้พยายามโทรศัพท์มาหาตน ให้โอนเงินที่เหลือในบัญชีไปเพิ่ม ซึ่งหลังเกิดเหตุยอมรับว่าเสียใจกับการโดนหลอกลวง เพราะเป็นเงินที่ทำงานมาทั้งชีวิตก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในเขตพื้นที่เดียวกันถูกหลอกในลักษณะเดียวกันจำนวน 2 รายทราบว่าเป็นเงินกว่า 100,000 บาท จึงอยากจะฝากเตือนชาวบ้าน ไม่อยากจะให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพต่อไป