มาแล้วค่า “นูน่าเมี้ยน” กลับมาพบกับแฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ที่น่ารักทุกคนแล้วค่า และแน่นอนวนมาเจอกับทุกคนในทุกสัปดาห์แบบนี้ ก็จะต้องมาพร้อมกับคอลัมน์บันเทิงสุดปังอย่าง “SeoulStation” คอลัมน์ที่จะพาแฟนๆ ทุกคนมาอัปเดตเรื่องราวของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์แบบพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยในสัปดาห์นี้นูน่าก็จะพาไปพูดถึงเรื่องราวข่าวฮอตสุดร้อนแรง ที่ทำเอา “อากาเซ่” (ชื่อแฟนคลับ GOT7) ทั่วโลกต่างพากันตื่นเต้น และตั้งตารอคอยกันเป็นอย่างมาก หลังจากศิลปินหนุ่มสุดฮอตมากความสามารถ “ยองแจ” (Youngjae) หนึ่งในสมาชิกวงบอยแบรนด์ชื่อดังระดับโลก “GOT7” หลังได้มีการเซ็นสัญญาพิเศษกับค่าย “Andbut Company” ซึ่งเป็นค่ายใหม่ที่จัดตั้งขึ้นโดยอดีต CEO ของ JYP Entertainment หลังจากที่ก่อนหน้านี้สิ้นสุดสัญญาร่วมกับ “Sublime Artist Agency” โดยทางบริษัทประกาศว่าจะร่วมมือด้านการจัดการศิลปินผ่าน MOU กับ Aside Company ซึ่งก่อตั้งโดยผู้จัดการที่รับผิดชอบด้านการจัดการมาเป็นเวลานานของ JYP Entertainment และ Mystic Story

อย่างไรก็ตาม “Andbut Company” ได้เปิดเผยถึงการจับมือกันในครั้งนี้ว่า  “เรามีความยินดีที่ได้เซ็นสัญญาพิเศษกับยองแจในฐานะศิลปินผู้น่าจับตามองที่เป็นตัวแทนของเกาหลีในอนาคต เราจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อไป เพื่อให้ยองแจได้รับความรักจากผู้คนมากมายด้วยการเพิ่มความสามารถและจุดแข็งของยองแจให้สูงสุดด้วยความสามารถที่หลากหลายในฐานะมัลติเทรนเนอร์ในอนาคต ดังนั้นเราจึงขอการสนับสนุนจากคุณ”

เรียกได้ว่า “ยองแจ” เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีเสน่ห์ มีความสามารถที่โดดเด่นด้านเสียงร้อง และการรังสรรค์เขียนเนื้อเพลงขึ้นมา โดยยองแจไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจากการทำกิจกรรมโปรโมตร่วมกับวงในฐานะสมาชิกของ “GOT7” แต่เขายังประสบความสำเร็จในฐานะ “ศิลปินเดี่ยว” ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของทักษะความสามารถการร้องเพลงที่ยอดเยี่ยม และโทนเสียงที่น่าดึงดูด ตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมา วันนี้นูน่าก็เลยอยากจะพามาย้อนเส้นทางของ “ชเวยองแจ” ที่กว่าจะเดินทางมาจุดนี้ และได้รับแรงสนับสนุน และความรักมากมายจากแฟนคลับทั่วโลก

สำหรับ “ยองแจ” หรือ “ชเวยองแจ” เกิดวันที่ 17 กันยายน 1996 เกิดที่มกโพ ประเทศเกาหลีใต้ สมาชิกวง “GOT7” ยองแจเป็นนักร้องเสียงหลักของวง จบการศึกษามาจาก “Korea Art High School” ยองแจได้ชื่อว่าเป็นหน้าตาของวง และยังมีฉายาที่แฟนคลับเรียกกันว่า “นากน้อย” เนื่องจากยองแจนั้นมีหน้าตาที่คล้ายๆ กับตัวนากแฟนคลับเลยมักมองว่าเขานั้นน่ารัก และชอบให้ทำท่าทางเหมือนตัวนากอยู่บ่อยๆ โดยยองแจมีความฝันที่จะเป็นนักร้องเมื่อเขาได้ร้องเพลงกับพี่ชายในวัยเด็ก แต่เมื่อพี่ชายเริ่มเข้ากรมหทารเพื่อรับใช้ชาติ ยองแจจึงได้เข้าร่วมกับสถาบันฝึกร้องเพลงในจังหวัดบ้านเกิดของเขา เพื่อที่จะฝึกเป็นนักร้องมืออาชีพ และในปี 2011 เขาชนะในงานประกวดร้องเพลงที่ชื่อว่า “Vocal Excellence Award at Mokpo Youth Music Festival” หลังจากนั้นยองแจจึงได้ฝึกฝนตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการไปเรียนร้องเพลง แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยมากทำให้ครอบครัวพยายามทำงานเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยความสามารถ และความพยายามของยองแจ คุณครูจึงพาเขาไปน้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ และถัดมาในปี 2013 “JYP Entertainment” ได้รับการคัดเลือกเพื่อหาคนเขาไปเป็นเด็กฝึกในบริษัท 

โดยยองแจเคยให้สัมภาษณ์เมื่อตอนที่ผ่านรอบออดิชั่น JYP Entertainment ว่า “รู้สึกดีใจมากจึงรีบโทรไปหาทางครบครัว ซึ่งทางบ้านไม่ค่อยสนับสนุน เนื่องจากให้ยองแจเรียนหนังสือ และมีงานทำที่ดีมากกว่านี้” แต่ความความมุมานะของยองแจที่เขาอยากจะทำตามความฝันของตัวเอง เขาจึงไปทำงานพาร์ทไทม์ และเรียนหนังสือไปด้วย จนเขาสามารถผ่านรอบการออดิชั่นของ JYP ทำให้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ต้องอยู่ซ้อมที่กรุงโซล ส่วนวันอื่นๆ จะต้องเดินทางกลับมกโพด้วยรถบัสธรรมดา ราคา 20,500 วอน และรถบัสด่วน 30,400 วอน ซึ่งยองเเจจำได้จนถึงวันนี้ และต้อง “ทุบกระปุกออมสินหมู” เพื่อเดินทางมาเป็นเด็กเทรน จนในช่วงปี 2013 ยองแจได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกในค่าย JYP Entertainment โดยเขาได้ใช้เวลาฝึกฝนเป็นเวลา 7 เดือน และถูกจัดให้อยู่ในโครงการการเปิดตัวบอยแบนด์วงใหม่ของบริษัท ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในนาม “GOT7” ในวันที่ 16 มกราคม 2014 ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกอีก 6 คน ได้แก่ “เจบี”, “มาร์ค”, “แจ็คสัน”, “จินยอง”, “แบมแบม” และ “ยูคยอม” พร้อมกับปล่อยมินิอัลบั้มแรกออกมาในชื่อ “Got It?” และมีซิงเกิลที่มีชื่อว่า “Girls Girls Girls” หลังจากนั้นยองแจก็ได้ทำตามความฝัน และทำกิจกรรมร่วมกับวง พร้อมกับปล่อยผลงานเพลงออกมามากมาย

สำหรับผลงานการแต่งเพลงของ ยองแจ เขาใช้นามปากาว่า “Ars” และเริ่มต้นแต่งเพลงและเขียนเนื้อร้องในปี 2016 โดยผลงานเพลงแรกที่แต่งมีชื่อว่า “Rewind” โดยเป็นเพลงที่อยู่ในมินิอัลบั้ม “Flight Log: Departure” ของวงGOT7 นอกจากนี้ยองแจยังได้ร่วมร้องเพลงกับ “Sanjoy and Elliott Yamin” ในปี 2017 กับเพลงที่ชื่อว่า “Victim of Love” ในขณะเดียวกันก็ได้บันทึกเพลงร่วมกับ “พักจีมิน” กับเพลงที่มีชื่อว่า “I’m All Ears” สำหรับกองทุนของ “Life Insurance Social Philanthropy Foundation” เพื่อรณรงค์การป้องกันการฆ่าตัวตายของเยาวชนในปี 2018 โดยเพลงนี้ได้ลงเผยแพร่พร้อมมิวสิกวิดีโอในวันที่ 15 ตุลาคมในปีเดียวกัน

ต่อมาในปี 2018 ยองแจได้ร้องเพลง “At the Usual Time” ประกอบละครโทรทัศน์ที่ชื่อว่า “กระทะเลิฟเสิร์ฟรัก” (Wok of Love) และในปี 2020 ยองแจได้ร้องเพลง “Fall In Love” ประกอบละครโทรทัศน์ที่ชื่อว่า “ลูกไม้หลากสี” (When My Love Blooms) หลังจากนั้นยองแจ และ “ยองเค” (Young K) สมาชิกวง “Day6” ได้เป็นดีเจจัดรายการวิทยุร่วมกัน โดยเป็นรายการของMBC Radio มีชื่อรายการว่า “Idol Radio” เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2020 และจบรายการในซีซันแรกในวันที่ 25 กันยายนในปีเดียวกัน ในวันที่ 25 กันยายนปีเดียวกัน ยองแจได้เป็นหนึ่งในนักแสดงซิทคอมเรื่องใหม่ของNetflix ที่ชื่อว่า “วัยใสๆ หัวใจสุดเปิ่น” (So Not Worth It) รับบทเป็น “แซม” หนุ่มเกาหลีลูกชายเจ้าของบริษัทต๊อกบกกียักษ์ใหญ่แห่งวงการอาหาร ที่เคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศออสเตรเลีย โดยซิตคอมนี้ออกอากาศเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2021 นอกจากนี้ ยองแจยังร้องเพลงประกอบซิตคอมในชื่อเดียวกันอีกด้วย

จนกระทั่งในปี 2021 สมาชิกของวง GOT7 จะออกจากค่าย JYP โดยงาน Golden Disc Awards ครั้งที่ 35 เป็นกิจกรรมสุดท้ายของวง หลังจากนั้นในวันที่ 11 มกราคม ปี 2021 ทางค่ายก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าสมาชิกทั้งหมดของ GOT7 จะออกจากค่ายต้นสังกัด เนื่องจากสัญญาของพวกเขาจะหมดลงในวันที่ 19 มกราคม ปี 2021 หลังจากที่ ยองแจ หมดสัญญาจากต้นสังกัดเดิม เขาก็ได้เซ็นสัญญากับค่าย “Sublime Artist Agency” เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021 และในวันที่ 9 มีนาคม ปีเดียวกันมีการประกาศว่ายองแจจะเป็นหนึ่งในนักแสดงของละครเวทีเรื่อง “Midnight Sun” ซึ่งดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น “A Song to the Sun” โดยเขาจะรับบทนำชื่อ “ฮารัม” ซึ่ง 2 เพลงประจำละครเวทีนี้ “Meet Me When the Sun Goes Down” และ “Good-bye Days” ถูกเผยแพร่และร้องโดยนักแสดงนำทุกคนของเรื่อง โดย “Meet Me When the Sun Goes Down” ฉบับของย็องแจเผยแพร่เมื่อวันที่ 9 เมษายน เป็นพาร์ท 1 ของเพลงประกอบละครเวทีนี้ พร้อมกับการร่วมร้องในเพลง “Good-bye Days” กับ “เคย์” (Kei) สมาชิกวง “LOVELYZ”

และเมื่อปี 2023 ยองแจได้เล่นละครเวทีเรื่อง “The Days” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมถึง 3 กันยายน ที่โรงละครโอเปร่า Seoul Arts Center โดยยองแจได้คัดเลือกให้รับบท “มูยอง” ร่วมกับนักแสดงชื่อดังอีกมากมาย

หลังจากที่เป็นศิลปินเดี่ยว ยองแจ ก็ได้ปล่อยมินิอัลบั้มแรก “Colour from Ars” กับเพลงไตเติล “Vibin” และ มินิอัลบั้มที่สอง “Sugar” กับเพลงไตเติล “Sugar” นอกจากนี้ยังมีซิงเกิลสุดพิเศษ “IRREPLACEABLE” ที่ ยองแจ ร้องรวมกับ ฟักกลิ้งฮีโร่ และเดอะทอยส์ พร้อมกับตามมาด้วยการปล่อยอัลบั้มเดี่ยวเต็มชุดแรกของยองแจที่มีชื่อว่า “Do It” ซึ่งประกอบด้วย 10เพลง โดย “Do It” เป็นเพลงไตเติ้ลของอัลบั้ม เพลงนี้มีกลิ่นอายความสดชื่นเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ตกหลุมรัก และล่าสุดกับการคัมแบ๊กซิงเกิลดิจิทัลของเขา “TPO” ในวันที่ 9 กรกฎาคม เวลา 18.00 น. (ตามเวลาเกาหลี) พร้อมกับมีการประกาศเอเชียทัวร์ 2024 YOUNGJAE ASIA TOUR ‘ONCE IN A DREAM’ ภายใต้การทำงานร่วมกับค่ายใหม่อย่าง Andbut Company ซึ่งจะมีปักหมุดไทยแลนด์หรือไม่ ต้องมารอลุ้นกัน!!

และนอกจากนี้ปัจุบันยองแจยังเป็นดีจีรายการวิทยุที่มีชื่อว่า “GOT7 Youngjae’s Best Friend” หรือภาษาไทยว่า “เพื่อนสนิทของยองแจ GOT7” ซึ่งออกอากาศทางช่อง MBC และเพิ่งจะครบรอบ 2 ปี เมื่อ 28 มีนาคมที่ผ่านมาอีกด้วย

บอกได้เลยว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางการเดินทางบนเส้นทางสายดนตรีของ “ยองแจ” ซึ่งทุกคนต่างรับรู้ว่ามันเป็นเส้นทางที่ไม่ได้เรียบง่าย และโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ด้วย “ความฝัน ความพยายาม ความมุมานะ” ของเขาที่พกมันมาด้วยพลังเต็มเปี่ยม รวมกับ “พรสวรรค์” และ “พรแสวง” ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ส่งผลให้เส้นทางสายหลักเส้นนี้สามารถผลักให้ยองแจได้ไปยืนอยู่ตรงจุดที่แสงสปอตไลท์ส่งมาถึง และต่อยอดแตกแขนงออกไปเป็นเส้นทางสายย่อยที่ทำให้เขาสามารถเดินทางไปพบเจอกับแฟนคลับได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งสายงานแสดง ละครเวที รวมไปถึงสายนักจัดรายการวิทยุ ซึ่งมันพิสูจน์ได้อย่างเป็นประจักษ์กับทุกสายตาว่ายองแจ “สามารถทำทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ” 

แต่เหนือสิ่งอื่นใดนูน่าเชื่อได้เลยว่าสิ่งที่ทำให้ยองแจกลายเป็น “ยองแจที่สมบูรณ์แบบ และได้รับความรักอย่างมากมาย” นั่นก็คือพลังจาก “อากาเซ่” ถึงแม้แฟนคลับจะเป็นส่วนเล็กๆ แต่นูน่าเชื่อได้หมดหัวใจเลยว่ามันเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ยองแจมีพลังในการเดินทางบนเส้นทางสายนี้ แม้บางช่วงของเส้นทางจะไร้ซึ่งแสงไฟ และเต็มได้ด้วยความเปล่าเปลี่ยวและมืดมิด แต่ด้วยพลังแห่งความรักของแฟนคลับที่โอบล้อมยองแจด้วยความอบอุ่น ทำให้ยองแจได้เปล่งประกายอย่างเข็มแข็งมาโดยตลอด และเขาก็เป็นเสมือนความภาคภูมิใจของเหล่าอากาเซ่ตลอดไม่มีเปลี่ยนแปลง..


คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”