เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 29 มิ.ย. พ.ต.ท.ฉุกรี หมัดศรี สว. (สอบสวน) สภ.ปะเหลียน ได้รับแจ้งเหตุจากโรงพยาบาลย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ว่ามีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณหน้าคอกวัวชน ใกล้บ้านเลขที่ 214 หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หลังรับแจ้งเหตุจึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.ย่านตาขาว ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง

เมื่อไปถึงหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.ย่านตาขาว พบบรรดาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงผู้เสียชีวิตมายืนจับกลุ่มพูดคุยและอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก เข้าไปภายในห้องฉุกเฉินพบร่างของนายศิรวิชญ์ ชายภักตร์ หรือบังเดี่ยว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง อาชีพพ่อค้ารับซื้อน้ำยางสด คาดถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองพกสั้นไทยประดิษฐ์ (ค้อนตราควาย) กระสุนเจาะเข้าเป็นกลุ่มใหญ่ที่หน้าอกจำนวน 1 แผล ศีรษะอีก 1 แผล รวมทั้งยังมีเศษลูกปลายจากกระสุนปืนลูกซองเข้าที่บริเวณมือและแขนอีกหลายจุด

ต่อมาจึงได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณหน้าคอกวัวชน หน้าบ้านของนายวิชิต (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี พบรถจยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์คนาโน สีแดง-ขาว ทะเบียน ขวน 511 ตรัง ซึ่งเป็นรถผู้เสียชีวิตจอดอยู่ ถัดไปบริเวณหน้ารถประมาณ 4 เมตร พบกองเลือดขนาดใหญ่ และรองเท้า ถัดออกมาจากท้ายรถอีกประมาณ 6 เมตร พบกระเป๋าคาดอกของผู้เสียชีวิตตกอยู่ ในสภาพถูกลูกปลายกระสุนปืนเจาะเข้าจำนวนหลายจุด และมีคราบเลือดติดอยู่

ก่อนนำมาตรวจสอบพบภายในกระเป๋ามีลูกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ชนิดสีเขียว 1 นัด และสีขาวอีก 1 นัด บุหรี่ 1 ซอง ยาบ้าถูกห่อบรรจุในถุงพลาสติกจำนวน 3 เม็ด ซึ่งถูกกระสุนเจาะเสียหายไปจำนวน 2 เม็ด ภายในกระเป๋าตังพบมีเงินสดจำนวนหนึ่ง และยังพบเศษหัวกระสุนปืนลูกซองติดอยู่อีก 1 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุ ไม่พบปลอกกระสุนปืนตกหล่นอยู่แต่อย่างได

จากการสอบถามนางบูรณ์ (นามสมมุติ) ภรรยาเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่บ้าน มีเพียงแค่สามีนอนหลับอยู่ในบ้าน ส่วนลูกชายออกไปกินข้าวข้างนอก เท่าที่ทราบและมีพยานเห็นก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถเข้ามาโดยมีนายฉุย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทซ้อนท้าย ในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ซึ่งโดยปกติทั้งคู่ชื่นชอบวัว ก็จะเข้ามาดูวัวชนที่ลูกชายตนเลี้ยงอยู่เป็นประจำ มีเพียงสามีตนนอนหลับอยู่ภายในบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดติดต่อกัน แต่ไม่นึกว่าเป็นเสียงอาวุธปืน ก่อนจะรีบเดินออกมาดู ปรากฏว่าวัวชนตกใจได้หลุดออกจากหลักวิ่งหนีอยู่รอบบ้าน ก่อนจะเดินออกมาดูก็พบว่ามีชายนอนจมกองเลือดอยู่คนเดียว ก็คิดว่าคงเป็นลูกชายถูกวัวชนขวิด แต่เมื่อมาพลิกหน้าดูปรากฏว่าไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็นเพื่อนของลูกชาย จึงรีบออกไปบอกเพื่อนบ้าน เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ ตอนนั้นสามีก็ยังคิดว่าสาเหตุเพราะถูกวัวชนขวิด ก่อนจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าจะได้นำตัวผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาล จนมาทราบภายหลังจากแพทย์เอกซเรย์ปรากฏว่าบาดแผลที่มีคือถูกยิงด้วยอาวุธปืน ไม่ใช่ถูกวัวชนขวิด

ด้านนายปกรณ์ พิมลเดชกุล หรือฉุย อายุ 34 ปี ที่เป็นเพื่อนสนิทผู้ตาย และเป็นลูกน้องทำงานซื้อน้ำยางพาราให้กับผู้เสียชีวิต บอกปฎิเสธว่า ตนไม่ได้อยู่กับผู้ตายตอนเกิดเหตุ โดยในวันนี้ตนอยู่กับผู้ตายตั้งแต่เช้า เพราะต้องทำงานขายน้ำยางพารา จนแล้วเสร็จในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. เมื่อเสร็จแล้วก็ได้เดินทางไปนั่งเล่นบ้านนายเบิ้ม ที่เป็นเพื่อนกัน จนช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ต่อมาประมาณช่วงบ่ายโมง ผู้ตายได้ขับรถเก๋งมารับตนที่บ้านเพื่อนำรถไปตรวจสภาพ โดยมีนายเบิ้มนั่งอยู่ในรถแล้ว หลังจากเสร็จก็ได้ไปส่งนายเบิ้มที่บ้าน ส่วนตนกับผู้ตายได้นำรถเก๋งไปเก็บไว้ ก่อนที่ตนและผู้ตายจะขับรถ จยย.ออกไปตัดหญ้าที่สวนปาล์ม โดยมีนายเบิ้มขี่รถ จยย.มาด้วยอีกคัน จนกระทั่งตัดหญ้าเสร็จช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. หลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันตอนประมาณ 20.30 น. โดยนายเบิ้ม ได้ขี่รถนำตนไปส่งบ้าน ส่วนผู้ตายขับกลับคนเดียวโดยบอกว่าจะกลับไปบ้านอาบน้ำที่บ้าน หลังจากนั้นตนก็ไม่ทราบแล้ว

นายปกรณ์ บอกอีกว่า จนตนมาทราบจากพี่คนหนึ่งบอกว่าผู้ตายถูกวัวขวิด และมารู้ทีหลังว่า ไม่ใช่วัวขวิดแต่ถูกยิง ที่ผ่านมาผู้ตายไม่เคยบอกว่ามีปัญหากับใคร ส่วนวันนี้ตนมองผู้ตายออกว่ามีความเครียด และบ่นเรื่องไม่มีเงินใช้จ่าย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ส่วนนิสัยผู้ตายก็จะมีอารมณ์ฉุนเฉียวบ้างหากไม่สบอารมณ์ แต่ถ้าปกติก็จะดี แต่ไม่เคยทะเลาะกับใคร ตนก็ถือเป็นลูกน้องผู้ตาย ยอมรับว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ได้มีการเชิญตัวคนสนิทจำนวน 8 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายปกรณ์ หรือฉุย และนายเบิ้ม ไปเก็บดีเอ็นเอและตรวจสอบหาคราบเขม่าดินปืน พร้อมทั้งสอบปากคำอย่างละเอียด ส่วนพฤติการณ์จากการคาดการณ์คาดว่า ผู้ก่อเหตุอาจสนิทมักคุ้นกับผู้ตาย รู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี และอาจจะมีการใช้อาวุธปืนก่อเหตุถึง 2 กระบอก ยิงในลักษณะห่างจากตัวประมาณหนึ่ง ไม่ได้จ่อยิง หรืออาจจะใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันก็เป็นได้ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นอาจจะมาจากปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว แต่ยังคงไม่ตัดทิ้งในประเด็นอื่นๆ อีกหลายประเด็น อย่างไรก็ตามได้ส่งมอบร่างให้กับญาตินำไปประกอบพิธีการตามศาสนา และอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.