เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า กรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนผู้ที่ผ่านการคัดเลือก สว.นั้น ต้องดูข้อเท็จจริง ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ จนทำให้ระบบเสียหาย สำหรับผู้ที่ลงสมัครในการเลือก สว.นั้น ทุกคนทำตามกฎระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งนี้ จากการเลือกสว.รอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้รอให้ กกต.รับรองผล แต่บางคนที่ลงสมัครแล้วไม่ได้รับเลือก ก็มาพูดว่ารัฐธรรมนูญไม่ดีหรือระบบไม่ดี แต่บางคนที่ได้รับเลือกก็อ้างว่าตัวเองเป็น สว.ฝั่งประชาธิปไตย ทั้งที่มาจากกฎหมายเดียวกัน ซึ่งตนจำได้ว่าในยุคที่ให้มีการเลือกตั้ง สว.ในแต่ละจังหวัด  ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นสภาผัวเมีย ทั้งที่การเลือกตั้ง สส.หรือ สว.ทุกระดับมาจากรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษรัฐธรรมนูญ

นายคารม กล่าวอีกว่า ส่วนคนที่ลงสมัคร สว.ในกลุ่มอาชีพต่างๆ เขาต้องศึกษาและต้องดูว่าเขามีเพื่อน มีคนรู้จักพอที่จะเลือกเขาหรือไม่ เพราะวิธีการเลือกคือเลือกในกลุ่มตัวเองและเลือกไขว้กัน กรณีที่ระเบียบว่าไม่ให้เลือกตัวเอง เขาก็ไม่เลือกได้  เพราะถ้าบางคนเห็นว่าตัวเองไม่น่าจะได้รับเลือก อาจลงคะแนนให้คนอื่นหรือคนที่รู้จักให้ได้รับการเลือกเป็น สว. อย่างไรก็ตาม  สว.ชุดนี้ไม่มีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรี จึงมองไม่ออกว่าพรรคการเมืองจะมาเอาประโยชน์อะไร ส่วนหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายคือหลักการของสภาสูงเหมือนกันทั่วโลก และกฎหมายก็ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน แต่วุฒิสภาไม่ได้มีอำนาจโดยตรง  และกฎหมายก็ต้องใช้บังคับกับคนทั้งประเทศ

“การที่มีการกล่าวหา สว.ชุดใหม่ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน ดูจะไม่เป็นธรรมกับ สว.ชุดใหม่ หรือจะให้ สว.ชุดเดิมอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งมีการมาแบ่งว่า สว.มีฝ่ายประชาธิปไตย แบ่งเป็น สว.สีส้ม สีน้ำเงิน สีแดง ยิ่งทำให้ภาพความขัดแย้งไม่เลือนหายไป และการแบ่งสีแบ่งข้างไม่เห็นจะมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง พอจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมกลับมาบอกว่าไม่ควรแบ่งข้างแบ่งสี เราควรก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว ส่วน สว.ชุดนี้ก็เข้ามาตามกติกาที่เขียนไว้ทั้งนั้น อย่าเลือกเฉพาะที่ตนเองได้ประโยชน์ พอชนะจะบอกว่าสู้ทุกกติกา แต่พอแพ้บอกว่าสู้เงินไม่ได้ กติกาไม่เอื้อ” นายคารม กล่าว