สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ว่า ทีมทนายความของฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์กรุงปารีส ถือเป็นการตัดสินครั้งประวัติศาสตร์ และนับเป็นครั้งแรกที่ศาลในประเทศยอมรับว่า ผู้นำประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ “ไม่มีความคุ้มกันส่วนตัวโดยสมบูรณ์” สำหรับการกระทำของตนเอง

กระนั้น อัยการจากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนการโจมตีก่อการร้าย พยายามขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ โดยให้เหตุผลว่า การดำเนินการข้างต้นควรเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้นำประเทศต่างชาติ ถูกดำเนินคดีในระดับนานาชาติ เช่น ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี)

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสคาดว่าเป็นประเทศแรกที่ออกหมายจับผู้นำประเทศต่างชาติที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่ฝ่ายค้านของซีเรีย ยกย่องความเคลื่อนไหวดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ ทำตามฝรั่งเศส และฟ้องร้องผู้นำซีเรียต่อไอซีซี

“ครอบครัวของเหยื่อชื่นชมความพยายามเหล่านี้ ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับกำลังใจ และสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อระบอบการปกครองของอัสซาด นับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับประชาชนชาวซีเรีย” แนวร่วมกองกำลังปฏิบัติและฝ่านค้านซีเรียแห่งชาติ ระบุในแถลงการณ์

ด้านนายมาเซน ดาร์วิช ทนายความจากสันนิบาตสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (เอฟไอดีเอช) โพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ “เอ็กซ์” ว่าคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ฝรั่งเศส ถือเป็น “ข่าวดี” และ “ชัยชนะครั้งใหม่สำหรับเหยื่อ” รวมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่มีการคุ้มกันสำหรับอาชญากรรมประเภทนี้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES