จากกรณี” เดลินิวส์” ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลัง กอ.รมน.ภาค 4 โดย พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้ พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาค ที่ 4 เข้าดำเนินการ ด้วยการบูรณาการหน่วยงานบังคับใช้กฏหมายที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบ และพบว่าในหลายพื้นที่ มีการกระทำผิดในหลาย พรบ. คือ พรบ.สิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร,พ.ร.บ.โรงแรม และ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 นำโดย พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว ร่วมกับ คณะทำงานตรวจสอบ ”สมุยโมเดล“ ประกอบด้วย ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย, เทศบาลนครเกาะสมุย ,สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย ,โยธาธิการจังหวัด, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด,หน่วยป้องกันรักษาป่าที่สฎ.16 (เกาะสมุย) ,ตำรวจ สภ.บ่อผุด ,ตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ร่วมกันเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่เขาเฉวงน้อย หมู่ที่ 4 ต.บ่อผุด ตามเป้าหมายการตรวจสอบ พบจุดผิดปกติเป็นวิลล่า ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ลาดชันสูง 2 แห่ง ในการตรวจสอบพบว่าสิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่ในที่ดินเอกสารสิทธิ์ น.ส.3ก. ทั้งหมด 8 แปลง จำนวน 19 ไร่ มีวิลล่าทั้งหมด 52 หลัง มีการก่อสร้างบนพื้นที่ลาดชันเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด โดยความสูงเกินกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ถึง 191 เมตร และยังเปิดให้บริการที่พักเป็นรายคืน

จากการตรวจสอบวิลลาทั้ง 52 หลัง ตัวอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 3 ชั้น มีทั้งอาคารที่สร้างเสร็จแล้ว และที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขณะตรวจสอบไม่พบเจ้าของอาคาร ผู้ดูแล หรือคนงานก่อสร้างไม่ได้เข้ามาทำงาน เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการตรวจสอบอาคาร พร้อมปิดหมายเลขกำกับอาคาร และจับพิกัดที่ตั้งตัวอาคารเป็นหลักฐาน รวมทั้งแจ้งให้เจ้าของอาคารแสดงตัวต่อเจ้าหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่คณะทำงานฯ เข้าตรวจสอบ ได้พบกับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ที่พักอยู่ในวิลลาบริเวณดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ได้ติดต่อเช่าทางระบบออนไลน์กับเจ้าของที่เป็นชาวต่างชาติ โดยตกลงเข้าพัก 1 ห้องจำนวน 4 คืน คิดราคาคืนละ 3,500 บาท หลังจากตกลงโอนเงินเสร็จ เจ้าของก็จะบอกรหัสห้องพัก เพื่อให้เข้าพักได้

พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 กล่าวว่า ก่อนเข้าตรวจสอบ คณะทำงานได้ทำการสืบสวนข้อมูลพบว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าว มีการก่อสร้างวิลล่า มาตั้งแต่ปี 2561 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พบมีความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งในเรื่องของการไม่พบใบอนุญาตก่อสร้าง ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงเกิน 140 เมตร ซึ่งการก่อสร้างต้องมีพื้นที่ว่างเกินกว่าร้อยละ 70 และในการตรวจสอบด้วยการเข้าสู่ระบบการจองห้องพักก็พบว่าวิลล่าบริเวณดังกล่าวเปิดให้บริการ ที่พัก ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตกับเจ้าของวิลล่าโดยตรง และมีการโอนเงินค่าที่พักก่อนแล้วก็จะเข้าพักได้ แต่เมื่อมาตรวจสอบตามสถานที่ระบุก็พบว่าไม่มีพนักงานต้อนรับหรือพนักงานอื่นใดอยู่ในบริเวณวิลล่า แต่จะใช้บุคคลที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณวิลล่าเป็นผู้มาทำความสะอาดรวมถึงอำนวยความสะดวกเป็นครั้งคราวในลักษณะอย่างนี้เป็นการตบเจ้าหน้าที่ ว่าไม่ได้เปิดเป็นวิลล่าให้เช่า เมื่อเราได้ทำการตรวจยึดและจับพิกัดสิ่งปลูกสร้างจะได้ให้พนักงานสอบสวน กอ.รมน. บันทึกถ้อยคำคณะทำงานที่ร่วมตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดข้อกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของวิลล่าทั้ง 52 หลัง ตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม และพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร

“ก็ขอฝากถึงนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้ทำให้ถูกต้องตามกฏหมาย อย่างหลงเชื่อคำชักจูงจากคนบางคนที่ไม่ปรารถนาดีกับประเทศชาติ ในการหลบเลี่ยงใน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพื่อแปลงเป็นธุรกิจของคนไทยเพื่อหลบเลี่ยงภาษี นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างความลาดชันได้ที่เทศบาลนครเกาะสมุย และชุดปฏิบัติการ กอ.รมน.ภาค4 พื้นที่เกาะสมุย เพื่อจะได้ทราบว่าพื้นที่ที่จะก่อสร้างนั้นสร้างได้หรือไม่ได้อย่างไร มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง” พ.อ.ดุสิต กล่าว

อย่างไรก็ตามข้อมูลการสืบสวนของคณะทำงาน ฯ พบว่าบริเวณที่เข้าตรวจยึดล่าสุดมีบริษัทนิติบุคคลซึ่งเป็นของชาวไทย เป็นผู้ครอบครองที่ดิน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 จำนวนสองบริษัท จากนั้น ได้นำที่ดินซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. ไปให้กลุ่มทุนชาวจีนเข้ามาลงทุนเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี และก่อสร้างวิลล่าขายให้กับชาวต่างชาติ ในราคาหลังละ 50-60 ล้านบาท และผู้ที่มาซื้อวิลล่าในโครงการจะปล่อยเช่าเป็นห้องพักรายคืนผ่านระบบออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนให้รูปแบบโรงแรมตามกฎหมาย ทำให้ส่งกระทบต่อต่อผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ถูกกฎหมาย และไม่ได้มีการเสียภาษีเข้ารัฐ