เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ที่สุวรรณศรซอย 2 แยก 1 ต. พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก บริเวณบ้านของคนเลี้ยง สุนัขพิตบูล เป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีลานปูนภายในบ้าน ที่หน้าบ้าน ซึ่งจากการสอบถามเพื่อนบ้านบริเวณใกล้เคียงจะทราบว่า เจ้าของบ้านเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัว เป็นพิตบูล 1 ตัว เพศผู้ชื่อ ดาวเรือง อายุประมาณ 2 ปีและ หมาไทยอีก 1 ตัว เพศเมียชื่อ ป๊อบคอร์น อายุประมาณ 3 ปี รวมเป็น 2 ตัว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายอ้อน เอี่ยมแสง อายุ 72 ปี น้องเขยผู้บาดเจ็บ ที่มาพบคนแรกและเข้าช่วยเหลือ บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนได้นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน จู่ๆได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมาว่า โอ๊ย โอ๊ย ช่วยด้วย จากนั้นได้ออกไปดูก็พบสุนัข 2 ตัวเป็นสุนัขพิตบลูและสุนัขตัวสีดำกำลังกัดแขนของนางบุญยิ่งอยู่ ในลักษณะที่ช่วยกันกัดนางบุญยิ่งเหวี่ยงไปมา ตอนนั้นพิตบลูจะปรี่มาหา ตนจึงได้ถอดเสื้อฟาดสุนัข จึงไม่เข้าหาตนและหนีออกจากนางบุญยิ่ง ซึ่งตนยืนยันว่าสุนัขทั้งสองตนไม่ได้กัดกันเอง แต่กำลังรุมกัดนางบุญยิ่งอยู่ และตนยืนยันว่าที่มีคนบอกว่าสุนัขทั้งสองตัวกัดกันเองก่อนที่นางบุญยิ่งขี่รถมานั้นไม่เป็นความจริง ขณะที่หลังจากเกิดเหตุกู้ภัยได้ถามเจ้าของสุนัขได้ล่ามไว้ไหม เจ้าของได้บอกว่าล่ามไว้ แต่ถ้าล่ามจริงสุนัขจะออกมากัดชาวบ้านได้อย่างนี้หรอ

ต่อมาได้สอบถาม นางนิตยา มั่งคั่ง ลูกสาวของนางบุญยิ่ง กล่าวถึงอาการของนางบุญยิ่ง หลังจากที่แพทย์ได้เข้าดูอาการอีกครั้งตอน 08.00 น.แพทย์ได้บอกว่าเปอร์เซนต์ ที่แผลจะติดเชื้อค่อนข้างสูง เนื่องจากบาดแผล ที่ถูกกัดเกิดการฉีกขาดเยอะมาก อีกทั้งกระดูกบริเวณที่ถูกกัดแตกละเอียด อาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งบาดแผลที่ติดเชื้อมีเปอร์เซนต์สูงที่อาจต้องตัดแขน ซึ่งตอนนี้บาดแผลเละมากไม่สามารถที่จะเย็บหรือศัลยกรรมตกแต่งแผลได้ ทำได้เพียงล้างแผลควบคุมการติดเชื้อของบาดแผลให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ จากนั้นจึงจะเป็นขั้นตอนรักษาแผล เย็บเส้นประสาทบางส่วนที่ตายไปแล้ว ซึ่งแม่ของตนก็มีโอกาสที่จะไม่ได้แขนกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม โดยตอนเกิดเหตุสุนัขตัวใหญ่ ได้กัดและลากแม่ตนไปมาทำให้หัวปูด และเข้าวันนี้มีอาการเจ็บที่ศีรษะมาก อีกทั้งตามตัวพบร่องรอยช้ำตามจุดต่างๆทั่วร่างกาย แต่ ตอนนี้ทางตนโฟกัสที่แขนของแม่

ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างบ้านตนกับบ้านเจ้าของหมานั้น เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ตนกับเจ้าของหมาส่วนตัวไม่มีปัญหากัน แต่เจ้าของหมากับคนอื่นนั้น จะมีปัญหาอะไรกันตนไม่รู้  ซึ่งหลังจากเกิดเหตุทางเจ้าของสุนัข ยังไม่มีท่าทีหรือติดต่อเข้ามาพูดคุยอะไรกับตน  ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ตนกับเจ้าของสุนัข แม่ตนรักเจ้าของสุนัขมาก ตนรู้สึกว่าเจ้าของสุนัขควรที่จะเข้าไปกราบขอโทษกับแม่ตน แสดงความรู้สึกนึกคิด เนื่องจากแม่ตนได้รับบาดเจ็บมากขนาดนี้ ที่ผ่านมาพวกตนหวาดระแวงสุนัขพิตบลูตัวนี้มาตลอด

เมื่อต้นปีสุนัขพิตบลูตัวนี้ได้กัดพี่สะใภ้ของเจ้าของสุนัขไป1 ครั้ง   คนที่ใช้เส้นทางบนถนน 1 ครั้งชื่อตาดำ  อีก2 คนแต่กัดแต่ไม่เข้า แต่ได้มีไปลงบันทึกประจำวัน  และครั้งนี้ก็เป็นแม่ของตน รวมแล้ว 5 คน  โดยลักษณะการเลี้ยงสุนัขตัวนี้ ที่เจ้าของเลี้ยงก็จะมีล่ามแต่บางครั้งก็หลุดออกมาได้ และวันที่เกิดเหตุกับแม่ตนเขาไม่ได้ล่ามเอาไว้ บางครั้งถ้าปล่อยก็จะใส่ที่ครอบปากครอบเอาไว้ก็จะให้เดินอิสระ แต่ด้วยสุนัขตัวใหญ่ก็มีโอกาสที่ตะกร้อครอบปากที่ครอบเอาไว้หลุดออกได้ แต่เคสของตาดำนั้นสุนัขตัวนี้ได้หลุดจากโซ่พุ่งกัดบนถนนเลย ส่วนเรื่องคดีความตนได้แจ้งความไว้แล้วที่สภ. เมืองนครนายก ว่าตนเองจะดำเนินคดีเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเพราะอาการของของคุณแม่ค่อนข้างจะหนัก