จากตลาดหุ้นไทยปีนี้ระส่ำหนัก ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจไทย การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า การเมือง อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งเงินทุนต่างชาติไหลออก บวกกับการขายชอร์ตเซลของนักลงทุน ทำให้ดัชนีหุ้นไทยไม่ต่างอะไรกับช่วงโควิด

ล่าสุด เพื่อช่วยฟื้นตลาดหุ้นไทย ทางกระทรวงการคลังจึงได้เตรียมเสนอ ครม. ปรับเงื่อนไขกองทุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีปัจจุบัน คือ ThaiESG ให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการส่งเสริมให้เกิดการออม ผ่านการลงทุนในตลาดทุน และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ระดมทุน ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

เงื่อนไข ThaiESG ใหม่-เก่า แตกต่างกันอย่างไร

ThaiESG (ปัจจุบัน)

1. สามารถลดหย่อนภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

2. มีระยะเวลาถือครองเหลือ 8 ปี นับจากวันที่ซื้อ 

3. มีนโยบายการลงทุน ต้องลงทุนมากกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ลงทุนหุ้นใน SET/mai ที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (E)/ESG หรือเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 128 บริษัท รวมทั้งลงทุนใน ESG Bond และ Green Token 

ThaiESG (ข้อเสนอใหม่)

1. สามารถลดหย่อนภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท 

2. มีระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ 

3. มีนโยบายการลงทุน ต้องลงทุนมากกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ซึ่งจากเดิม ลงทุนหุ้นใน SET/mai ที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (E)/ESG หรือเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 128 บริษัท และให้เพิ่มลงทุนในหุ้นที่มีระดับการประเมิน CG Rating ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และมีการเปิดเผยข้อมูลด้านบรรษัทภิบาล (G) และรูปแบบที่ ก.ล.ต. กำหนด และหุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี ESG ที่ได้รับความเชื่อถือระดับสากล ได้อีกไม่ต่ำกว่า 200 บริษัท ส่วนการลงทุนใน ESG Bond และ Green Token