เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่ด่านศุลกากรบ้านดอน ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายนันธวัช เจริญวรรณ รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี พ.อ.ฐิติพงษ์ อินวะษา รอง ผอ.รักษาความมั่นคงภายใน จ.สุราษฎร์ธานี นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ ผอ.สำนักงานศุลกากรภาคที่ 5 และ น.ส.นุชนารถ สินสุวรรณสาร นายด่านศุลกากรบ้านดอน ร่วมแถลงการจับกุมสินค้าบุหรี่ต่างประเทศ และบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบส่งทางไปรษณีย์มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้าที่ฝ่ายการข่าว กอ.รมน.จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับการข่าวว่าจะมีการลักลอบขนส่งบุหรี่ต่างประเทศ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบพัสดุไปรษณีย์ในประเทศ เส้นทางจากภาคใต้ขึ้นกรุงเทพมหานคร จึงได้ประสานศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรภาคที่ 5 (ศภ.5) เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้และการควบคุมทางศุลกากร และด่านศุลกากรบ้านดอน พร้อมด้วย ขรต.ที่ 402 กอ.รมน.ภาค 4 ได้บูรณาการร่วมกันในการตรวจรถร่วมขนส่งบริษัทไปรษณีย์ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียน 71-3344 ปทุมธานี ที่บริเวณถนนสายเอเชีย 41 (ขาขึ้น) อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี พบพัสดุที่บรรจุสินค้าต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องเอกซเรย์ชนิดถือ (Handheld X-ray) ตรวจสอบกล่องพัสดุ โดยภาพจากการเอกซเรย์พบว่ามีรูปร่างคล้ายบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้า จึงได้ทำการอายัดกล่องพัสดุมาไว้ที่ด่านศุลกากรบ้านดอน แล้วจึงเชิญเจ้าหน้าที่ตัวแทนบริษัทผู้ขนส่งมาร่วมกันตรวจสอบ ภายหลังพบว่าในกล่องพัสดุมีบุหรี่ต่างประเทศและบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายจำนวนมาก จึงได้ทำการตรวจยึดในทันที

เบื้องต้นพบว่าเป็นบุหรี่ต่างประเทศยี่ห้อต่าง ๆ 996,340 มวน หรือ 49,817 ซอง บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 3,863 ชิ้น มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 8 ล้านบาท โดยบุหรี่ลักลอบหนีศุลกากร และบุหรี่ไฟฟ้าที่จับกุมได้ในครั้งนี้ เป็นของอันพึงต้องริบตามมาตรา 166 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ยึดของกลางทั้งหมด และส่งมอบพัสดุที่ถูกต้องตามกฎหมายส่งคืนให้กับบริษัทไปรษณีย์ไทย เพื่อนำส่งให้ลูกค้าต่อไป

ด้าน นายนันธวัช กล่าวว่า จากการสอบสวนพนักงานประจำรถทั้ง 2 ราย ทราบว่าก่อนหน้านี้ได้ไปรับพัสดุทั้งหมดจากศูนย์ไปรษณีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปส่งที่ศูนย์กระจายสินค้าบางเขน กรุงเทพฯ โดยไม่มีส่วนรู้เห็นว่าพัสดุที่รับขนส่งนั้นเป็นของผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบของชุดจับกุม เชื่อว่าสินค้าดังกล่าวผ่านการขายจากระบบออนไลน์ และใช้การกระจายสินค้าผ่านระบบขนส่ง ซึ่งชุดจับกุมได้พยานหลักฐานและนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อสืบสวนและติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.