เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ UD Town อ.เมือง จ.อุดรธานี พรรคก้าวไกล จัดมหกรรมนโยบายก้าวไกล Policy Fest “อุดรจ้วด ๆ” นำเสนอนโยบายต่อประชาชนในบริบทภาคอีสานและ จ.อุดรธานี ในรูปแบบเวทีเสวนา การแสดงวิสัยทัศน์ และนิทรรศการนโยบายภาคอีสาน ทั้งด้านเกษตร การศึกษา การกระจายอำนาจ ระบบขนส่งสาธารณะ และประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในภาคอีสาน

โดยในช่วงท้ายของเวที ได้มีการนำเสนอวิสัยทัศน์ของ นายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อุดรธานี พรรคก้าวไกล ซึ่งระบุว่า อบจ.อุดรธานี มีงบประมาณต่อวาระหนึ่ง สี่ปี 4.4 พันล้านบาท 12 ปีที่ผ่านมา นับเป็นงบประมาณราว 1.3 หมื่นล้านบาท แต่ตนอดรู้สึกไม่ได้ว่าการพัฒนาของจังหวัดอุดรธานีเหมือนถูกแช่แข็ง หยุดอยู่กับที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเกษตร อุตสาหกรรม นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ตนตัดสินใจเข้ามาเปลี่ยนอุดรธานี ด้วยวิสัยทัศน์ว่าคนอุดรธานีต้องเท่าเทียมกัน ทั้งในด้านการได้รับบริการ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่มีมาตรฐาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความสะดวกสบาย เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ 

รวมทั้งการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นหน่วยบริการด้านสุขภาพปฐมภูมิที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนที่สุด แต่ที่ผ่านมา การจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐไม่เพียงพอในการยกระดับศักยภาพให้เท่าเทียมกับโรงพยาบาลในเมือง ทำให้ประชาชนกว่า 90% ต้องเดินทางเข้าเมืองมารับบริการสุขภาพ ถ้าเราส่งเสริม รพ.สต. ให้มาอยู่ในการดูแลของ อบจ.อุดรธานี ก็จะสามารถสนับสนุนงบประมาณเข้าไปพัฒนาให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับโรงพยาบาลในเมืองได้ รพ.สต. ในจังหวัดอุดรธานีมี 207 แห่ง แต่จนถึงปัจจุบัน อบจ.อุดรธานี ยังไม่ได้รับโอนมาแม้แต่แห่งเดียว ดังนั้น นโยบายของตนคือการรับโอน รพ.สต. ที่มีความพร้อมเข้ามาในสังกัด อบจ.อุดรธานี ทันที

จากนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาปิดเวที “Udon Beyond Limits : อนาคตอุดรที่ก้าวไกล” โดยระบุว่า ความตั้งใจที่พรรคก้าวไกลจัดงานนี้ขึ้นมา คืออยากให้นโยบายการเมืองเป็นเรื่องสนุก เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้สำหรับประชาชนทุกคน อุดรธานีและภาคอีสานเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีจุดแข็ง ก็คือตัวของคนอีสานเอง แต่ศักยภาพนี้ก็ต้องพบกับอุปสรรคหลายอย่าง เช่นที่ สส.พรรคก้าวไกล ได้ร่วมกันอภิปรายไปเมื่อวาน คืองบประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท ที่ถูกจัดสรรมายังไม่ตรงจุด 

นายพิธา กล่าวว่า ในมหกรรมนโยบายที่กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกลเสนอ 6 บิ๊กแบงไปแล้ว แต่เราก็ยังไม่ลืมวาระเฉพาะกาลและเฉพาะพื้นที่ ที่สำคัญก็คือเรื่องของอำนาจในการตัดสินใจ อำนาจงบประมาณ และอำนาจเกี่ยวกับกฎหมาย ที่ผ่านมางบประมาณไม่ตอบโจทย์ กฎหมายก็มีปัญหาอย่างที่พรรคก้าวไกลพยายามเข้าไปแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับที่ดิน เป็นเรื่องที่แปลกใจที่ 75% ของคนในประเทศนี้ยังไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง นี่คือหนึ่งในปัญหาที่หากยังไม่มีการแก้ไข ก็จะปลดล็อกศักยภาพออกมาไม่ได้ รวมทั้งเรื่องที่ประเทศไทยมีพื้นที่ชลประทานแค่ 24% อีก 75% ไม่มีระบบชลประทาน นั่นแปลว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงน้ำถ้าอยู่นอกเขตชลประทาน

นายพิธา กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ นายกรัฐมนตรีบอกว่าเห็นประเทศไทยเป็นเหมือนเฟอร์รารี แต่ต้องอย่าลืมว่าเฟอร์รารีคันละ 30 ล้านบาท นั่งได้แค่สองคน ถ้าเช่นนั้นตนและพรรคก้าวไกลขอเป็นรถเมล์ไฟฟ้า เหมือนที่นโยบายของพรรคก้าวไกล อยากตั้งอุตสาหกรรมผลิตรถเมล์ไฟฟ้าที่ภาคอีสาน รถเมล์ไฟฟ้าที่ทำโดยฝีมือคนอีสานคันละ 7 ล้านบาท นั่งได้ 20 คน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วย และสร้างงานให้คนอีสานได้ด้วย

นายพิธา ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่มีอะไรต้องเสียใจ เพราะได้เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย กว่า 75% ของคนไทยออกไปใช้สิทธิใช้เสียง นี่คือประวัติศาสตร์ที่พวกเราสร้างร่วมกันและไม่มีใครลบออกได้ อย่างไรก็ตาม ต้องฝากพี่น้องชาวอุดรธานี ที่ตนเชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตย ให้ออกมาใช้สิทธิกันอีกครั้งหนึ่ง เริ่มที่การเลือกตั้งนายก อบจ. ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านี้.