เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ UD Town อ.เมือง จ.อุดรธานี พรรคก้าวไกลจัดกิจกรรม “ก้าวไกล Policy Fest อุดรจ้วด ๆ” เพื่อเปิดเวทีโชว์วิสัยทัศน์ เปลี่ยนอุดรธานี เปลี่ยนอีสาน เปลี่ยนประเทศไทย โดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปาฐกถาพิเศษถึงการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับภาคอีสาน ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น่าเป็นห่วงกว่ามวลรวมของเศรษฐกิจในระดับชาติ 1-2% ในปี 2567 หาก GDP ปลายปีนี้โต 2-3% อีสานก็จะต่ำกว่านี้ ซึ่งน่าสนใจว่าทุกภาคมีอัตราเพิ่มขึ้น แต่อีสานลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจผูกติดกับภาคเกษตรกรรม กว่า 60% ของครัวเรือนเป็นเกษตรกร หากภาคอุตสาหกรรมเติบโต จังหวัดที่ได้ประโยชน์ ก็แค่ นครราชสีมา ขอนแก่น ด้านท่องเที่ยวก็มีแค่ นครพนม อุดรธานี หนองคาย

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า พื้นที่การเกษตรในภาคอีสาน รวมกันประมาณ 5-10% ในพื้นที่ชลประทาน ที่เหลือพึ่งแหล่งน้ำธรรมชาติ เมื่อไรที่ธรรมชาติผันผวน การเกษตร รายได้ของชาวอีสานก็จะเป็นตามไปด้วย นอกจากนี้ ความสามารถในการผลิตของภาคเกษตรกรรมของไทย มีแนวโน้มต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม กัมพูชา เมียนมา พุ่งสูงขึ้น ซึ่งตนไม่ได้หมายความว่าต่างประเทศมีการปลูกและผลิตผลมากกว่าประเทศไทย แต่กำลังหมายถึงจำนวนพื้นที่เท่ากัน แต่ประเทศไทยอาจจะต้องใช้ค่าแรง ค่าปุ๋ยมากกว่า จึงทำให้มีข้อแตกต่างในส่วนนี้ ซึ่งความน่าเป็นห่วงของสถานการณ์นี้ ครัวเรือนในภาคอีสาน 80% ของครัวเรือนเกษตรกรภาคอีสาน เป็นหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงที่สุด จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากที่ปี 2556 เป็น 120,000 บาท แต่ล่าสุดเป็นหนี้ต่อครัวเรือน มากกว่า 260,000 บาท

นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนเป็นคนภาคใต้ ในจ.สงขลา จึงไม่ได้มีความรู้จักมักคุ้น ในภาคอีสานเท่าคนในพื้นที่ จากความเข้าใจของตน ในครั้งแรกที่พบกับคนภาคอีสานว่าจะมีความยากจน แต่ความจริงแล้วรู้สึกประทับใจที่คนอีสานรับรู้โลกกว้างมากกว่าภาคอื่น เนื่องจากสิ่งที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว มีการผลักดันพยายามให้ตนเองไปอยู่ในจังหวัด ต่างประเทศ ครั้งหนึ่ง ตนและชาวอีสานพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลถึงความรู้ด้านเกษตรกรรม โดยยกตัวอย่างในประเทศอิสราเอล การทำเกษตรแบบน้ำน้อยทำอย่างไร หรือสวัสดิการแบบชาวสแกนดิเนเวียเป็นอย่างไร

นายชัยธวัช กล่าวว่าต่อว่า ตนรู้จักอีสานแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนครั้งหนึ่ง จากการชุมนุมกับเกษตรกร ที่พี่น้องชาวอีสานที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล จึงรู้ว่าภาคอีสานมีปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับการเมือง มีการเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาล กฎหมาย ระเบียบ

นายชัยธวัช กล่าวย้ำบนเวทีว่า ที่ผ่านมาภาคอีสานถูกกล่าวหาว่า “โง่ จน เจ็บ” ไม่มีการศึกษา ไม่มีความรู้ด้านการเมือง แต่ตอนกลับเห็นภาพกลับกันว่าพี่น้องชาวภาคอีสานได้ใช้ประโยชน์จากระบอบประชาธิปไตย โดยการเลือกตั้งเป็นพื้นที่ที่ใช้ระบอบดังกล่าวในการต่อรองกดดันเรียกร้องและแลกเปลี่ยน ซึ่งทรัพยากรและสิทธิ์ที่ควรได้อย่างชาญฉลาด เหมือนกับร่างกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวข้องกับการลดหนี้เกษตรกรถูกร่างโดยประชาชนที่มีชาวอีสานเป็นส่วนใหญ่ ในยุคที่การเมืองจะหวังอะไรไม่ได้ ได้แค่ 500-1000 ก็ต้องรับไว้แค่นี้ ในยุคที่หวังได้มากกว่าอย่างถนน โรงเรียน ก็ต้องเอาคะแนนเสียงไปแลกมา มันเป็นกลไกตลาดทางการเมือง แต่วันนี้ตนเชื่อว่าสิ่งที่พี่น้องเรียกร้องจะยิ่งใหญ่มากกว่านั้น คือนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว.