เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 22 มิ.ย.พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.นำกำลังจับกุม นายภูมิพัฒน์ ศักดิ์นุภาพ หรือบู๊ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.458/2567 ลงวันที่ 26 มี.ค. 67 ซึ่งเป็นพี่ชายของ แจง ปุณณาสา ภรรยา นายผดุง ทรงแสง หรือแจ๊ส ชวนชื่นศิลปินตลกชื่อดัง ความผิดฐาน “ “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” โดยจับกุมได้ที่จุดตรวจทหารพรานที่ 1201 ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.67)

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 นายผดุง ทรงแสง หรือแจ๊ส ชวนชื่นศิลปินตลกชื่อดัง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรีว่า ถูกคนร้ายบุกเข้าไปขโมยรองเท้าที่สะสมไว้จำนวนหลายคู่ ที่บ้านพักย่านมีนบุรี กทม. รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท ต่อมาวันที่ 26 มี.ค. พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี พร้อมพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกระจกประตูบ้านหายไป ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน พบว่า รองเท้าผ้าใบ รุ่นที่หายาก สูญหายไปจำนวนหลายคู่ ราคาประมาณ 3 แสนบาท โดยนายภูมิพัฒน์ ฯ มีการไลฟ์สดผ่านแอป ฯ Tiktok หลังจากก่อเหตุขโมยของแล้วว่า ได้พังประตูบ้านแล้วเข้าไปขโมยรองเท้าที่ผู้เสียหายสะสมไว้ไปแจกจ่ายให้กับบุคคลภายนอก และที่ก่อเหตุเพราะหมั่นไส้เมียของแจ๊ส

ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ขอศาลมีนบุรี อนุมัติหมายจับ นายภูมิพัฒน์ หรือบู๊ ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานฯ” จากนั้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายภูมิพัฒน์ มีการกล่าวท้าทายมั่นใจว่าตำรวจจับกุมไม่ได้ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ผบก.สส.บช.น.จึง ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะ ลุยชายแดนบูรพา โดยมีการบูรณาการสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้วนำกำลัง สืบสวน จ.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้วร่วมสืบสวนติดตาม ซึ่งการติดตามตัวเป็นได้ยาก และมีกลุ่มผีคอยรายงานทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้นายภูมิพัฒน์ รู้ความเคลื่อนไหวตำรวจ และนายภูมิพัฒน์ ยั่วยุไล่ให้ตำรวจ ถอนกำลังไปจากพื้นที่ โดยชุดสืบสวนใช้เวลาไล่ล่าอยู่หลายวันแต่ยังไม่เจอตัว พล.ต.ต.ธีรเดช ชิงไหวชิงพริบสั่งถอนกำลัง ออกจากพื้นที่ แสร้งล้มเลิกภารกิจ ให้นายภูมิพัฒน์ตายใจก่อนทิ้งทุ่น ฝังมือดีแฝงตัวเป็นวนเวียนอยู่ กระทั่งได้พบกลุ่มผีสายข่าวของบู๊และได้สะกดรอยติดตามไปจนกระทั่งพบตัวนายภูมิพัฒน์ ในที่สุด

สอบสวน นายภูมิพัฒน์ หรือบู๊ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ในทางคดีตนไม่ได้เป็นคนขโมยเอารองเท้าไปตามที่ถูกแจ้งความ ตนเองโดนกลั่นแกล้งโดยใครบางคนเพราะตนเป็นคนชอบพูดตรง ๆ แล้วตนเองก็เป็นคนที่ภาษีไม่ดีในวงเครือญาติ เพราะตนเองเคยก่อคดีร้ายแรงหลายคดี และจากความเกเรในสมัยก่อนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองหนีเก่งคาดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้ เลยพลั้งเผลอท้าทายเจ้าหน้าที่ไปหลายครั้ง ขอโทษที่ทำลงไป ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ยอมรับว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่มาจับกุม จะกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อชำระแค้นไอพวกนี้ให้หมด”

ต่อมาที่ บก.สส.บช.น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะตำรวจ ควบคุมตัวนายภูมิพัฒน์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าต้องการชี้แจงอะไรหรือไม่ นายภูมิพัฒน์ ตอบว่า ขอโทษสังคมที่ท้าทายอำนาจรัฐ แต่ตนไม่ได้ขโมยรองเท้า และอาจเป็นการเข้าใจผิด ตนเคยบุกไปถ่ายรูปหน้าบ้านแจ๊ส แต่ไม่ได้ข่มขู่แต่อย่างใด และสำนึกผิดด้วย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เราไม่ขอรับรางวัลแต่อย่างใด เราทำตามหน้าที่ที่ประชาชนต้องการที่พึ่งพิง แม้ท่าน(ผู้เสียหาย) จะเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่อีกมุมหนึ่งท่านก็คือประชาชนคนหนึ่ง เรารับรู้ความทุกข์ใจแล้วว่ามันมากเพียงใด และจากพฤติกรรมของผู้ต้องหามีลักษณะ คุกคาม ให้ร้ายกับฝ่ายผู้เสียหาย ซ้ำยังแสดงออกถึงความไม่เกรงกลัวและท้าทายกฎหมาย ถือเป็นภัยสังคม ต้องใช้มาตการขั้นเด็ดขาดเพื่อมิให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

เปิดภาพนาที “สารวัตรแจ๊ะ” ถือหมายจับบุกรวบ “บู๊” พี่เมีย “แจ๊ส ชวนชื่น”

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยถูกดำเนินคดี รวม 8 คดี ประกอบด้วย 1.พ.ศ.2546 – 2548 ก่อเหตุหลายคดี “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธมีดโดยใช้ยานพาหนะ”, “ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ”, “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธมีด โดยใช้ยานพาหนะ”, “ร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างการผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส”, “ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ฯ (โทรมหญิง)” โดยทั้งหมดต่างกรรมต่างวาระกันถูกศาลตัดสินให้จำคุก โดยทั้งหมดถูกจำคุกอยู่เป็นเวลา 9 ปีกว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.54 ถึงวันที่ 13 ก.ย. 63 ก็ได้รับการปล่อยตัว

2.วันที่ 9 ก.พ. 67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทฯ” พื้นที่ สน.มีนบุรี 3.วันที่ 3 มี.ค. 67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ” พื้นที่ สน.ลาดพร้าว

4.วันที่ 25 มี.ค. 67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” พื้นที่ สน.มีนบุรี (คดีนี้) เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.