เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.67  ที่รัฐสภา  มีการประชุมนสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เป็นเศษ เพื่อพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท วาระแรก  พิจารณาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย

นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล  สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายงบประมาณประจำปี 2568 ว่า งบประมาณปีนี้ได้จัดสรรเอาไว้มากสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยตั้งวงเงินกรอบงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 3.75 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณสูงเป็นอันดับต้นๆ เทียบเป็นสัดส่วนแล้วอยู่เกือบ  ร้อยละ 10 ซึ่งตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาสภาฯ อนุมัติงบประมาณมากมายไปกับการลงทุนในการสร้างอนาคตด้วยการวางรากฐานทางการศึกษาให้กับประเทศชาติ แต่แปลกใจว่า สิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำไมปัญหาเรื่องการศึกษายังคงเป็นเรื่องเดิมๆ ยังเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำ คุณภาพของทางการศึกษา เรื่องภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง อีกทั้งยังคงเป็นเรื่องของความขาดแคลนครูที่อยู่ในแต่ละโรงเรียน และเป็นเรื่องหลักสูตรที่ไม่ตอบโจทย์ต่อการเปลี่ยนแปลงของอนาคตบนโลกข้างหน้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งจะเกิด แต่เกิดต่อเนื่องยาวนานเป็นปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่ใช้เงินงบประมาณมาหลายปี ทำไมปัญหาเหล่านี้ยังคงอยู่

นายกรวีร์ กล่าวอภิปรายต่อว่า พรรคภูมิใจไทย จึงเสนอว่าปฏิรูปอย่างเดียวไม่พอ เราจึงต้องปฏิวัติการศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศไทย โดยได้สะท้อนถึงปัญหาทางด้านการศึกษา และเสนอแนวทางแก้ไข คือ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เรียนฟรี 15 ปี แต่ยังมีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวนมาก, ภาระค่าใช้จ่ายสูง เด็กยากจนเข้าไม่ถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ, ระบบสนับสนุนไม่เพียงพอ เงินอุดหนุนไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจริง  ขณะที่หลักสูตรล้าหลัง คือ เด็กจบการศึกษาไม่มีงานทำ ทักษะไม่ตรงกับความต้องการตลาด  หลักสูตรเน้นท่องจำ ไม่สอนให้คิดวิเคราะห์ หลักสูตรปรับเปลี่ยนล่าช้า ตามโลกไม่ทัน นอกจากนี้ ยังขาดแคลนทรัพยากร อาทิ ครูขาดแคลน อุปกรณ์การเรียนไม่เพียงพอ, โรงเรียนห่างไกล ขาดแคลนเทคโนโลยี ระบบการบริหารจัดการมีประสิทธิภาพต่ำ จึงขอเสนอแนะ ให้มีการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนา 3 แนวทางหลัก ร่วมมือกับทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ติดตามผลอย่างใกล้ชิด ประเมินผลลัพธ์

“ พรรคภูมิใจไทย อยากจะนำเสนอรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดทำงบประมาณเพื่อที่จะพลิกโฉมการศึกษาไทย ดีใจที่รัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้ยกระดับการศึกษา ผ่านนโยบาย Anywhere Anytime ทั่วถึงเท่าทัน เท่าเทียม และที่สำคัญทันโลก” นายกรวีร์ กล่าว

นายกรวีร์ กล่าวเพิ่มอีกว่า พรรคภูมิใจไทย อยากจะนำเสนอ 3 แนวทางหลัก คือ เรื่องแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ รวบรวมคลังปัญญาของชาติ ผ่านคอนเทนต์วิชาการจากครูและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเปิดกว้างให้นักเรียนและประชาชนเข้าถึงการศึกษาฟรี ทุกที่ ทุกเวลา, ปลดล็อกการเรียนที่มีคุณภาพ เรียนฟรี ตอบโจทย์ศตวรรษที่ 21, ไม่ใช่แค่โรงเรียน แต่รวมถึงนักศึกษา ครู และประชาชนทั่วไป, แก้ปัญหาแพลตฟอร์มว่างเปล่า ขาดคอนเทนต์  เนชั่นแนล เครดิต แบงค์ ระบบสะสมหน่วยกิต เชื่อมโยงกระทรวงศึกษา สถาบันอุดมศึกษา และตลาดแรงงาน เด็กเรียนเก็บหน่วยกิตตามความสนใจ ต่อยอดระดับชั้นมัธยมปลาย มหาวิทยาลัย ปวส. ลดเวลาเรียน ประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มโอกาสเข้าสู่ตลาดแรงงาน เชื่อมโยงกับระบบเครดิตแบงค์ของกระทรวงแรงงาน นำไปต่อยอดสร้างอาชีพ ลดปัญหาเรียนจบหางานไม่ได้ สายงานไม่ตรง พอร์ตโฟลิโอ แอปพลิเคชัน แสดงทักษะและประสบการณ์ของนักเรียน ระบบ AI แนะนำแนวทางเลือกสายอาชีพ ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน นักเรียนค้นหาตัวเอง เลือกเรียนต่อ ตรงกับความต้องการ ประชาชนทั่วไป อัพสกิล รีสกิล พัฒนาอาชีพ

“ทุกพรรคการเมืองมีเป้าหมายแบบเดียวกันคือ อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม พรรคภูมิใจไทย เชื่อว่า ถ้าจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ เราต้องเปลี่ยนแปลงการศึกษา เมื่อเปลี่ยนแปลงการศึกษาได้ เราสามารถจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคุณภาพของคนในประเทศนี้ได้ และเมื่อเราเปลี่ยนแปลงคุณภาพของคนในประเทศนี้ได้ เมื่อนั้นเราจะสามารถ เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปด้วยกันได้” นายกรวีร์ กล่าว.