จากนั้นเวลา 21.00 น. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ชี้แจงถึงงบประมาณกระทรวงกลาโหมว่า กรณีบอกกองทัพเบิกงบล่าช้านั้น ขอให้มั่นใจว่า เวลาที่เหลือจากนี้ งบประมาณทุกบาทของกองทัพจะใช้ทัน ส่วนโครงสร้างงบประมาณกระทรวงกลาโหมที่เป็นงบบุคลากรจำนวนมากนั้น งบบุคลากรเป็นปัญหาของประเทศ ทุกกระทรวงเจอปัญหานี้เช่นกัน แต่วันนี้มีแค่กระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่งบบุคลากรลดลง แต่กระทรวงอื่นไม่ลด การที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกงบบุคลากรกระทรวงกลาโหมลดไม่จริง เพราะลดตามธรรมชาติจากคนเกษียณนั้น ไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือแกล้งไม่เข้าใจ ทุกกระทรวงมีคนเกษียณ แต่กระทรวงกลาโหมพอคนเกษียณแล้ว ไม่ตั้งใหม่ ทำให้งบบุคลากรลด ขอให้ชมหน่อย ไม่ใช่บั่นทอนจิตใจกัน  วันนี้ตำแหน่งที่ลดไปคือ นายพล ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญ แต่ตำแหน่งหลักลดไม่ได้ เพราะลดแล้วใครจะทำงาน หากงบปี68ผ่านจะมีโครงการเออรี่รีไทร์ของกลาโหม ในเดือนต.ค.2567อีก  ทั้งได้ยศและได้เงินเพิ่มด้วย ตนมั่นใจจะมีคนเข้าร่วมโครงการเยอะ ตำแหน่งลอยๆจะลดลงไปอีก  ยืนยันการปรับลดกำลังพลจะลดลงแน่

นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนการจัดซื้อโดรนนั้น ยืนยันว่า โดรนทางยุทธศาสตร์มีเพียงพอ วันนี้หลายเหล่าทัพผลิตโดรนเองได้ และกำลังจะลงนามร่วมลงทุนกับต่างชาติและบริษัทไทย ที่เป็นมืออาชีพด้านเทคโนโลยีเทคโนโลยีขั้นสูง  ขณะที่เรื่องความมั่นคงทางอาวุธ จะเพิ่มงบวิจัย ทั้งการผลิตและการขายอาวุธ ได้สั่งการไปแล้วว่า ปี2568 จะเริ่มซื้ออาวุธที่ผลิตได้ในประเทศให้เป็นแบบขั้นบันได้ จาก30%  40% และ 60% เพื่อให้เอกชนเติบโตและแข็งแรงไปด้วยกัน ซึ่งเรามีการทำอยู่แล้วทยอยขึ้นไปเรื่อยๆ 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องหักเงินทหารเกณฑ์นั้น ตนและผู้บริหารเหล่าทัพไม่สบายใจ เพราะมีนโยบายสร้างแรงจูงใจให้มาสมัครทหารเกณฑ์ ถ้าไปหักเช่นนั้นจริง คงเจ็บปวดที่สุด ที่ผ่านมามีการหักลักษณะนี้ ที่ผ่านมาทหารเกณฑ์มาแบบตัวเปล่า แต่เมื่อต้องกินใช้ มีชุด ก็ต้องอำนวยความสะดวกให้  จึงเกิดการเกื้อกูลในลักษณะวิสาหกิจในค่ายทหาร ระหว่างครอบครัวทหารกับทหาร ตัดเยอะๆก็ได้ราคาถูก แม้กองทัพจะมีชุดฝึกให้ทหารเกณฑ์ แต่ทหารอยากได้ชุดเพิ่มก็ไปสั่งตัดเพิ่ม จึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เป็นการไปตกลงกับร้านค้าในค่ายทหาร กองทัพซื้อให้แค่พอยังชีพ แต่หากอยากได้เพิ่มก็ต้องรวมกลุ่มกันไปซื้อเพิ่ม แต่ต่อไปนี้คงไม่มีแล้ว เพราะอยากให้ทหารได้เงินเดือนมากสุด  ซึ่งหักแล้วต้องอยู่ที่8,000-9,000บาท หรือ 10,000 บาท แต่เรื่องดูดส้วม และไวไฟ ไม่มีแน่นอน ได้ตั้งกรรมการสอบย้อนหลัง ถ้าผิดต้องลงโทษ ที่สำคัญถ้าจะหักอะไร ต้องให้เจ้าตัวยินยอม และหักในราคาเป็นธรรม จะมาหักคอเด็กไม่ได้ ขอให้สบายใจได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาไปสอดส่องแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าหน่วยทหารทั่วประเทศมีเยอะมาก อาจเจอแค่ 1-2หน่วย แต่ส่วนใหญ่สนองตอบ จะดูแลทหารเกณฑ์ให้ดีสุด  

นายสุทิน ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการจัดงบกองทัพที่บอกว่ายังเป็นจัดแบบโควตา ที่บอกว่ากองทัพบก กองทัพอากาศ ได้มากก็ต้องมากต่อไป กองทัพเรือได้น้อยก็ต้องน้อยต่อไป อันนี้เป็นปัญหาที่กองทัพก็พูดคุยกันมานาน ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพ ตนจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อจัดงบประมาณแบบใหม่ โดยตั้งใจว่าจะเริ่มทำในปี 2569 โดยงบประมาณแบบใหม่ที่จะเรียกคืองบประมาณจัดแบบแพ็คเกจ ซึ่ง  3 เหล่าทัพและ1 กองทัพไทย จะมานั่งคุยกัน โดยนำเอายุทธศาสตร์ของประเทศมาเป็นตัวตั้ง  ยกตัวอย่างเช่น หากภัยความมั่นคงอีก 5 ปีข้างหน้ามาทางภาคใต้ การจัดซื้องบประมาณจากกองทัพบกอาจจะน้อย อาจจะโยนให้กองทัพเรือมากกว่า หรือหากภัยความมั่นคงมาทางตะวันตก ตะวันออก กองทัพบกก็ต้องมีการจัดซื้อเยอะหน่อย พูดง่ายๆว่าต้องมาพูดคุยกันและคิดร่วมกัน โดยมีการจัดวางเวทน้ำหนักให้ เพื่อจะทำให้เกิดการซื้อร่วมกัน ใช้แบบเดียวกันถ้าต่างคนต่างซื้อ ต่างคนต่างคิด ถ้าศึกมาจริงๆเรดาร์คนคนละยี่ห้อ ไปกันคนละทาง

“ส่วนนี้ผมระมัดระวังในการที่จะทำเพราะเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยน จึงมีการตั้งคณะทำงานที่เป็นทหารมาศึกษา เพราะทั้งทหารเก่า และทหารใหม่อยากให้ทำ คือ ซื้อด้วยกัน คิดด้วยกัน 1 ยุทธศาสตร์ 1 ยุทโธปกรณ์ แต่ว่าแยกกันซื้อ  โดยหมายความว่าพอเวทน้ำหนักแล้ว  เราจะซื้ออะไรขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างแต่ละเหล่าทัพก็ไปว่ากันเอง  ไม่ใช่รัฐมนตรีจะรวบอำนาจมาจัดซื้อที่ส่วนกลางเอง นั้นไม่ใช่ ซึ่งหากมีระบบนี้ขึ้นมาใหม่จะตอบโจทก์ในหลายเรื่องให้กับกองทัพของเรา“นายสุทิน กล่าว.