เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่สร้างเสียงฮือฮาและถูกสังคมไทยวิจารณ์กันล้นหลาม เมื่อ พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ออกมาเปิดแผนมิจฉาชีพยุคใหม่ ที่จะล็อกเป้าเฉพาะคนที่ขับรถคนเดียว โดยพวกมิจฉาชีพจะเอาผ้าที่พ่นสเปรย์ยาสลบมาพันที่กระจกข้างรถ หากเจ้าของรถสัมผัสกับผ้า ยาสลบก็จะเข้าร่างกายทันที ซึ่งจะส่งผลให้รู้สึกวิงเวียนมึนงง และมารู้ตวอีกทีก็อาจจะถูกชิงทรัพย์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในขณะเดียวกันทางด้าน อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์และอาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจงความจริงในประเด็นนี้ ซึ่งระบุว่า

เรื่องนี้อาจจะฟังดูน่ากังวลสำหรับประชาชนทั่วไป แต่สำหรับผมจะรู้สึกแปลกใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือ? เพราะมันคล้ายกับพวกข่าวลือข่าวปลอม ฟอร์เวิร์ดเมลมั่ว ที่มีกันมานานเป็น 10 ปีแล้ว เกี่ยวกับการตบทรัพย์ พ่นสเปรย์คลอโรฟอร์ม ยาสลบตบทรัพย์ หรือ นามบัตรเคลือบยาสลบ

ซึ่งก็ไม่เป็นเรื่องจริงแต่อย่างไร ซึ่งถ้าสเปรย์ยาสลบนั้นเป็นสารคลอโรฟอร์ม chloroform ดังที่เคยมีการแชร์กันว่าเป็นยาทำให้สลบ มึนงง แล้วปลดทรัพย์หรือทำอันตรายนั้น เคยมีข้อมูลจากทางด้านของ ราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย ผ่านรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย ว่าถึงแม้คลอโรฟอร์ม (TCM หรือ ไตรคลอโรมีเทน หรือ เมทิลไตรคลอไรด์) จะเคยเป็นสารที่เคยใช้เป็นยาสลบในวงการแพทย์กันจริง ๆ เมื่อ 100 กว่าปีแล้ว

แต่ปัจจุบันวิสัญญีแพทย์ได้เลิกใช้ไปแล้ว เพราะต้องใช้ความเข้มข้นสูง ดมเป็นเวลานาน มีกลิ่นที่ไม่น่าดม และมีผลกระทบเชิงลบสูง ปัจจุบัน สารคลอโรฟอร์ม ยังเป็นสารควบคุม ไม่ได้มีจำหน่ายทั่วไป มีใช้กับในวงการอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ใดที่ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจมีโทษจำคุกได้ถึง 10 ปี

ที่สำคัญคือ ถ้าจะใช้คลอโรฟอร์มเป็นยาสลบนั้น ต้องใช้ในพื้นที่ปิด (เช่น หยดลงบนผ้าที่คลุมหน้าอยู่ แบบสมัยโบราณ) ต้องหายใจเข้าไปมากและนานเพียงพอ ไม่ใช่แค่พ่นใส่หน้า หรือโดนโปะผ้าที่ชุบคลอโรฟอร์มแป๊บ ๆ แล้วจะสลบ (แบบในหนังฮอลลีวูดชอบทำกัน ซึ่งจริง ๆ ต้องโปะดมกัน 5-10 นาทีเลยทีเดียว)

ปัญหาคือไม่ชัดเจนว่า “สเปรย์ยาสลบ” ที่ท่านเรวัชพูดถึงนั้น คือยาอะไรกันแน่ ไม่มีการระบุชื่อในคลิป (มีแต่บอกว่า หาซื้อได้ง่าย ไม่ถูกควบคุม) แต่อย่างน้อยกูเกิลเช็กข่าวอาชญากรรมในประเทศไทยเรา ก็ไม่พบว่ามีข่าวกรณีของคนร้ายตบทรัพย์ด้วยการใช้สเปรย์ยาสลบเลย ไม่ว่าจะพ่นใส่หน้าตรง ๆ หรือจะเอามาพ่นที่ผ้า แล้วเอาไปพันกระจกรถอย่างที่ว่าเลย และถ้ามีการทำแบบนั้นจริง เราแค่ถือผ้าขึ้นมา ก็ได้กลิ่นฉุนจากสารเคมีแล้ว (ถ้าเป็นคลอโรฟอร์ม) ก็คงจะโยนทิ้ง ไม่มีใครเอามาโปะหน้าตัวเอง หรือทนหายใจต่อ

ซึ่งถ้าใครเคยดมคลอโรฟอร์มบ้าง ตอนทำแล็บวิทยาศาสตร์ ก็คงจะรู้ว่า มันก็ต้องทนดมอยู่นานประมาณหนึ่งเลยถึงจะเริ่มรู้สึกมึนงง อ่อนเพลียได้ อย่างไรก็ตาม เวลาไปจอดรถตามที่ต่าง ๆ ก็ควรจะตรวจสอบรถของตนเองโดยรอบ เพื่อความปลอดภัยอยู่ดี ลองเดินดูรอบ ๆ สัก 1 รอบ ว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย ยางแบนหรือเปล่า กระจกหน้าหลังมีรอยแตกร้าวหรือไม่ รวมทั้งรอบ ๆ นั้น มีใครที่น่าสงสัยซุ่มอยู่หรือเปล่า

โดยสรุปผมคิดว่าเรื่อง “แก๊งมิจฉาชีพ ใช้ผ้าพ่นสเปรย์ยาสลบ มาพันรถเรา เพื่อหลอกปลดทรัพย์” น่าจะเป็นแค่ข่าวลือครับ

นอกจากนี้ทาง ยังโพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เจอคลิปที่น่าจะเป็น “แก๊งมิจฉาชีพ พันผ้าผสมยาสลบ ที่กระจกรถยนต์” ตามที่ท่านเรวัชออกมาเตือนวันก่อนแล้ว คือดูคลิปนอกจากมันจะเป็นเหตุการณ์ในต่างประเทศ ยังชัดเลยว่านี่มันตั้งกล้องทำคอนเทนต์กันแน่ ๆ ไม่ใช่ภาพจากกล้องวงจรปิดอะไรแถวนั้น เพราะดูมุมกล้องตอนต้นคลิป กับตอนท้ายคลิป มุมภาพมันเลื่อนไปเยอะเลย แถมมีการตัดต่อให้ตัวละครเข้าฉากกันเป็นช่วง ๆ มีตัดภาพซูมเข้า ซูมออกด้วย สรุปว่า ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไร ที่จะยืนยันว่ามีแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวจริงนะครับ คงเป็นแค่ข่าวลือ ตามคลิปคอนเทนต์ในโซเชียลแค่นั้นเอง…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @Jessada Denduangboripant