เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เวลา 16.40 น. ที่รัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายข้อสังเกตต่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาในวาระแรก ว่า สิ่งที่ตนเห็นจากงบประมาณรายจ่ายฉบับนี้ คือรัฐบาลพยายามที่จะทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีโดยไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมาและทำงบประมาณแบบไม่รับผิดชอบ ไม่เคยคิดว่าประเทศจะเสียหายอย่างไร อีกทั้งเมื่อครั้งที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็เคยให้ฉายารัฐบาลว่า “เป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล กลับกู้เงินที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะพาประเทศลงเหว โดยรัฐบาลกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สูงถึง 865,700 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลจะกู้เพื่อมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตนไม่ติดใจ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้ คือกู้เงินเพื่อมาแจก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควร สำหรับสัญญาณเตือนเรื่องสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องหาแนวทางในการแก้ไข เพราะปัจจุบันแม้จะมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ในปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 67.9 เปอร์เซ็นต์ ตนจึงเป็นห่วงว่าปีงบประมาณหน้าอาจจะอยู่ที่ 69.9 เปอร์เซ็นต์ เพราะจากสถิติของปี 2564-2566 สัดส่วนหนี้สาธารณะขยับขึ้นปีละ 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในสากลมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ หากส่วนนี้เกิน แสดงว่ารัฐบาลกำลังใช้จ่ายเกินตัว

นายสรรเพชญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สัดส่วนการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพี ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เกณฑ์มาตรฐานไม่ควรเกิน 3 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนว่ารัฐบาลกำลังใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งเป็นการกู้ชดเชยการขาดดุลสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งเรื่องการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก็มีความน่าเป็นห่วงที่จะจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ต้องกู้ชดเชยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวหนาหูอีกเรื่องหนึ่ง คือ กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะออกพันธบัตรเพื่อกู้เงินในต่างประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลจะออกพันธบัตรเพื่อมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะหลักการที่สำคัญ คือ รัฐบาลควรก่อหนี้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจมากกว่าใช้จ่ายในงบประมาณ และเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลได้สอดไส้งบประมาณไว้ในรายจ่ายงบกลาง กว่า 152,700 ล้านบาท แต่งบประมาณที่เหลือ รัฐบาลต้องเบียดบังมาจากงบประมาณปี 2567 และรีดนาทาเร้นให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการไปก่อน ซึ่งจะเกิดปัญหาภาระงบประมาณกึ่งการคลังในอนาคต

นายสรรเพชญ กล่าวว่า รายการของบประมาณของหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน 6.5 ล้านล้านบาท แต่ต้องถูกตัดทอน 2.8 ล้านล้านบาท ทำให้โครงการดีๆ ของส่วนงานต่างๆ ไม่ได้รับการสนับสนุน แต่กลับไปใช้ในโครงการที่หวังผลทางการเมือง อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้มีทรัพยากรหรือเงินมากมาที่จะให้รัฐบาลทำโครงการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือที่เรียกว่ากู้ไปผลาญ รัฐบาลจึงควรนำเงินเหล่านี้ ไปพัฒนาคนให้พร้อมต่อการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต