เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายธนกร ไชยศรี ผอ.สำนักการศึกษา ถึงการผลักดันให้มวยไทย บรรจุเป็นหลักสูตรวิชาทางเลือกในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ให้กับโรงเรียนในสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง ตามนโยบายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ว่า

กทม. ตั้งเป้าขยายผลและขับเคลื่อนด้านซอฟต์พาวเวอร์ ให้เยาวชนรู้จักและเรียนรู้มวยไทย ซึ่งเป็นกีฬาที่ทำให้เกิดประโยชน์หลายด้าน ทั้งการฝึกฝนเด็กนักเรียนให้มีระเบียบวินัย มีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเป็นพลเมืองที่ดี โดยนักเรียนจะได้เรียนกับครูมวยที่จบหลักสูตรมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทยโดยตรง และจะมีการจัดกิจกรรมสอนมวย After School สำหรับบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานที่สนใจ โดยใช้พื้นที่ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครด้วย

นายสุรจิตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นสิ่งที่ดีในการผลักดันวิชามวยไทยมาสอนในโรงเรียนสังกัด กทม. เนื่องจากการเรียนรู้มวยไทยนอกจากจะสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพได้แล้ว มวยไทยยังถือเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ ซึ่งชาวต่างชาติให้ความสนใจ รวมถึงเด็ก ๆ ยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เข้าใจวัฒนธรรม เห็นคุณค่าในการอนุรักษ์มรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรมไทยอีกด้วย

ในต่างประเทศ อย่างเช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ได้มีการบรรจุวิชาความรู้ที่เป็นวัฒนธรรม เข้าไปในหลักสูตรเพื่อสอนเด็ก ๆ ตั้งแต่ในระดับชั้นประถมและมัธยม มวยไทยของเราถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในด้านกีฬา ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากคนทั่วโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาเรียนมวยไทยโดยเฉพาะ ดังนั้นเด็กไทยควรได้รับโอกาสเรียนรู้วิชาที่เป็นมาตุภูมิของไทยเรา เพื่อต่อยอดในการเสริมสร้างอาชีพได้ในอนาคต

ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกัน สภา กทม. พร้อมที่จะผลักดันและสนับสนุนให้ กทม. ทำความร่วมมือกับค่ายมวยต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม. เพื่อให้มาฝึกสอนเด็ก ๆ ช่วงนอกเวลาเรียนตามปกติ และสภา กทม. จะผลักดันให้เด็กที่มีความสามารถโดดเด่นในแต่ละโรงเรียน ได้ต่อยอดไปเป็นอาชีพ เพื่อให้เด็กมีแรงบันดาลใจในการฝึกมวย และเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาก็จะมีโอกาสในการเรียนรู้มวยไทยด้วยเช่นกัน.