เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสำหรับการยื่นอุทธรณ์คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กรณีถูกคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.)

โดยแหล่งข่าวจาก ก.พ.ค.ตร. ให้ข้อมูลว่า ตามขั้นตอนหลังจากที่กรรมการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว และได้สั่งให้คู่กรณี ซึ่งในที่นี้คือ รรท.ผบ.ตร. ทำคำแก้อุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้ทำเสร็จแล้ว และส่งให้คณะกรรมการเจ้าของสำนวน ซึ่งทางคณะกรรมการได้รับคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าว พร้อมด้วยพยานหลักฐานมาพิจารณาก่อนส่งให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะพิจารณาคำแก้อุทธรณ์และมีสิทธิแย้งคำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณีได้ ซึ่งหากไม่มีคำแย้งและพยานหลักฐานเอกสารครบถ้วนทั้งสองฝ่าย คณะกรรมการเจ้าของสำนวนจะกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง และกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัยจากประธาน ก.พ.ค.ตร. มีทั้งรูปแบบการแถลง แจกเอกสาร และการแจ้งด้วยวาจา

ทั้งนี้เอกสารหลักฐานทั้งหมดในสำนวนคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะต้องได้รับทราบเท่าเทียมกัน เพื่อความเป็นธรรมในการพิจารณา หากสุดท้ายผลคำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ออกมาและคู่กรณีไม่สามารถรับได้ ก็มีโอกาสไปให้ยื่นเรื่องต่อให้ศาลปกครองพิจารณา

ส่วนกรอบเวลาในการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.ถูกกำหนดไว้ที่ 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นอุทธรณ์ซึ่งก็คือวันที่ 25 เม.ย. 2566 ฉะนั้นจนถึงวันนี้ 19 มิ.ย. 2566 เป็นระยะเวลา 56 วัน หากมีการขยายเวลาสามารถทำได้ 2 รอบ รอบละ 60 วันเท่านั้น

แหล่งข่าวระบุว่า กรรมการฯ จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา หากจะมีความล่าช้าออกไปขึ้นอยู่กับคู่กรณี

เมื่อถามว่ากรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นขอให้เปลี่ยนตัวกรรมการ ก.พ.ค.ตร. เนื่องจากบางท่านเคยมีข้อขัดแย้งกัน ทางคณะได้เปลี่ยนบุคคลใดบ้าง แหล่งข่าวระบุว่า ในสำนวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีกรรมการเพียง 1 คนที่ขอถอนตัวออกไป ซึ่งเป็นการถอนตัวตั้งแต่แรกที่ทราบว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นเรื่องมาที่ ก.พ.ค.ตร. นอกจากนั้นกรรมการยังคงเดิม