ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดดอยท่าเสา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ พระราชวชิรากร เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าอาวาสวัดท่าไม้เหนือ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ประธานฝ่ายฆราวาส เปิดกุฏิชีวาภิบาล ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 ยกระดับ 30 บาท พลัส ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติด้านสุขภาพ เพื่อเป้าหมายประชาชนคนไทยสุขภาพดี

กุฏิชีวาภิบาล เป็นสถานที่ดูแลพระสงฆ์อาพาธ และมีภาวะพึ่งพิง ติดเตียง ให้ได้รับการดูแลต่อเนื่อง ตั้งแต่ระยะแรกจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของการจัดระบบบริการสุขภาพพระสงฆ์ โดยมีโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นหน่วยบริการหลัก ในการให้การดูแล และส่งต่อการรักษา มีเป้าหมายจัดตั้งในทุกอำเภอของ จ.อุตรดิตถ์ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จึงร่วมกันขับเคลื่อนดำเนินงานจัดตั้งกุฏิชีวาภิบาล ณ วัดดอยท่าเสา ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 (Quick Win 100 วัน) เป็นแห่งแรกของ จ.อุตรดิตถ์

ทั้งนี้ ระบบสุขภาพของประเทศไทยมีแนวโน้มอุบัติการณ์ของโรคร้ายแรง โรคที่คุกคามต่อชีวิตเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร ที่สังคมไทยกำลังก้าวสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้ความต้องการการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระยะประคับประคอง และระยะสุดท้ายมีมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การมีระบบการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย แบบประคับประคอง ในปี 2567 จ.อุตรดิตถ์ มีวัด 355 แห่ง มีพระคิลานุปัฏฐาก ทั้งหมด 202 รูป มี CM 208 คน CG 952 คน และวัดดอยท่าเสา ซึ่งเป็นศูนย์ประสานพระคิลานุปัฏฐาก จ.อุตรดิตถ์ มีพระคิลานุปัฏฐาก 3 รูป โดย 2 รูป ผ่านการอบรมตามหลักสูตรการดูแลแบบประคับประคอง (Paliative care) ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจากกรมอนามัย เพื่อให้บริการพระสงฆ์ที่อาพาธ โดยไม่ไปรักษาร่วมกับผู้ป่วยทั่วไป มีทีมแพทย์ พยาบาลมาประจำเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด