สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า รายงานของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดจากสหราชอาณาจักร ระบุว่า ผู้คนทั่วโลกเกือบ 40% กล่าวว่า พวกเขาหลีกเลี่ยงการรับข่าวสารเป็นบางครั้ง หรือบ่อยครั้ง ซึ่งตัวเลขข้างต้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับ 29% ในปี 2560

กลุ่มผู้เขียนรายงานกล่าวว่า สงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง อาจมีส่วนทำให้ผู้คนไม่อยากรับทราบข่าวสาร อีกทั้งอัตราการหลีกเลี่ยงข่าวสารในปัจจุบัน ก็อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ด้วย

ทั้งนี้ รายงาน “ดิจิทัล นิวส์ รีพอร์ต” พบว่า การเลือกตั้งทำให้ความสนใจในข่าวเพิ่มขึ้นในบางประเทศ รวมถึงสหรัฐ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มโดยรวมยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้คนทั่วโลกที่สนใจในข่าวเป็นอย่างยิ่ง มีสัดส่วนอยู่ที่ 46% ลดลงจาก 63% ในปี 2560

“โลกเราเผชิญกับโรคระบาดและสงคราม ดังนั้นมันจึงเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ ที่ผู้คนจะละเลยข่าวสาร เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของตนเอง หรือต้องการดำเนินชีวิตต่อไป” นายนิก นิวแมน ผู้เขียนนำของรายงาน กล่าว “ผู้คนมักเลือกที่จะหลีกเลี่ยงข่าวสาร เพราะพวกเขารู้สึกว่า ตัวเองไม่มีอำนาจเหนือเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในโลก ส่วนบางคนรู้สึกสับสนและหนักใจกับข่าวสารรอบตัว หรือแม้แต่เหนื่อยล้ากับการเมือง”

ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นในข่าวสารยังคงอยู่ที่ 40% แต่โดยรวมถือว่าลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ในระดับสูงสุด อีกทั้งรายงานยังพบว่า ผู้รับข่าวสารจากโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ มีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และคนรุ่นใหม่ชอบรับข่าวสารทางออนไลน์ หรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์.

เครดิตภาพ : AFP