เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) ภายหลังเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงเส้นทางที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุรางนำไฟฟ้าหลุดร่วงด้านในค้างอยู่ด้านบนทางเดินยกระดับ (walkway) และชิ้นส่วนอุปกรณ์ยึดรางนำไฟฟ้าร่วงลงสู่พื้นด้านล่าง และได้เปิดให้บริการตามปกติครบทั้ง 23 สถานี (สถานีลาดพร้าว-สถานีสำโรง) ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. 67 พร้อมกันนี้ได้ร่วมโดยสารขบวนพิเศษ ตรวจเส้นทางจากสถานีหัวหมากไปยังสถานีศรีเอี่ยม (YL17) ด้วย เบื้องต้นพบว่า การให้บริการเรียบร้อยดี ยืนยันว่าขบวนรถ และรางพร้อมใช้งาน และปลอดภัยตามหลักทางวิศวกรรม ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ในการเดินทาง
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/thumbnail_F51339A696549A31B283FA534522478BA309F55E.jpg)
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท บริษัท อีสเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทาน เพิ่มความเข้มงวดตรวจสภาพโครงสร้าง ขบวนรถไฟฟ้า อุปกรณ์ทุกชิ้น เบื้องต้น EBM จะเพิ่มความถี่ตรวจสอบอุปกรณ์รอยต่อ และรางจ่ายไฟที่ติดยึดกับทางวิ่งตามคู่มือซ่อมบำรุง จากเดิมทุก 6 เดือน เป็นทุก 2 เดือน และจุดที่เฝ้าระวังพิเศษ จากเดิมตรวจสอบทุก 2 เดือน เป็นทุก 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องตรวจจับความผิดปกติของชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ใต้ขบวนรถไฟฟ้า เพื่อตรวจจับความผิดปกติของชิ้นส่วนในระบบราง หากมีตำแหน่งคลาดเคลื่อนจากเดิม จะแจ้งเตือนไปศูนย์ควบคุมการเดินรถ เพื่อประสานผู้เกี่ยวข้องแก้ไขได้ทันท่วงที
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/thumbnail_940669D7DB23ED1DC273514F45F108335171D3E6.jpg)
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า การเพิ่มการติดตั้งระบบกล้องตรวจจับความผิดปกติดังกล่าว จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและความครอบคลุมการตรวจสอบ นอกเหนือจากการตรวจสอบโดยรถตรวจรางตามปกติก่อนเปิดให้บริการ อย่างไรก็ตามได้มอบให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.), รฟม. และ EBM นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาถอดบทเรียน พร้อมศึกษาแบบอย่างจากต่างประเทศ ในการแก้ไข และป้องกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก และประชาชนเกิดความเชื่อมั่น กลับมาใช้บริการตามปกติ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีบทลงโทษ หรือเอาผิดผู้รับสัมปทานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า มอบให้ รฟม. ไปพิจารณา และปฏิบัติตามสัญญาฯ ซึ่ง รมช.คมนาคม จะก้าวล่วงจากสัญญาฯ ไม่ได้
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/thumbnail_46A61ED8D2FE64B6C5A1DDDCCD4F0BC30A251C5D.jpg)
ด้านนายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ รฟม. รักษาการแทน ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า EBM ได้ทำการรื้อถอนรางจ่ายกระแสไฟฟ้าและอุปกรณ์ยึดจับราง ที่เสียหายออกจากระบบ เปลี่ยนแผ่นเชื่อมคานทางวิ่ง (Finger Type Expansion Joint) ที่ชำรุด ณ จุดเกิดเหตุช่วงสถานีกลันตัน (YL12)-สถานีสวนหลวง ร.9 (YL15) ระยะทางประมาณ 5.7 กิโลเมตร (กม.) เป็นชุดใหม่ และนำรางจ่ายกระแสไฟฟ้าชุดใหม่ขึ้นติดตั้งแทนของเดิมทั้งหมด และได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ EBM พิจารณาติดตั้งกล้องตรวจจับฯ ในทุกขบวน ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ และอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการให้บริการเดินรถแก่ประชาชน
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/thumbnail_9CBC7AF41EE1FDFA6233E7B006B2CCBD94D5B182.jpg)
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในทุกปี รฟม. ต้องมีการประเมินประสิทธิภาพในการเดินรถของผู้รับสัมปทานตามตัวชี้วัดต่างๆ เบื้องต้นรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จะครบกำหนด 1 ปีประมาณเดือน ก.ค. 67 หลังจากเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ หากผลการประเมินพบว่า การทำงานตามตัวชี้วัดไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด รฟม. สามารถตัดเงินสนับสนุนค่างานก่อสร้างให้ EBM ได้ 5% ทั้งนี้ตามสัญญาฯ EBM จะได้รับเงินค่าสนับสนุนก่อสร้างจาก รฟม. ปีละ 2,505 ล้านบาท เป็นเวลา 10 ปี (ปี 66-75) รวม 25,050 ล้านบาท
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/thumbnail_224516C89EA9E8F6A4664C03C2D046A5B9A94B4F.jpg)
ขณะที่นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดี ขร. กล่าวต่อว่า ขร. จะยังคงดำเนินการตรวจสอบรอยต่อคานทางวิ่ง (expansion joint) ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสีชมพูต่อเนื่องต่อไป โดยจะตรวจเช็กมาร์คหัวนอต เพื่อสังเกตการคลายตัวของนอต การเคาะแผ่นต่อเชื่อมคานทางวิ่ง (finger plate) เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของตัวแผ่นเหล็กจากเสียงที่เกิดขึ้น การใช้อุปกรณ์พิเศษรูปตัวแอล สอดไปบริเวณระหว่างหัวนอตกับแผ่นต่อเชื่อมคานทางวิ่ง (finger plate) เพื่อตรวจสอบนอตที่ไม่แนบแผ่นต่อเชื่อมคานทางวิ่ง (finger plate) หรือการขันทอร์กด้วยเครื่องมือตรวจวัดค่าทอร์กที่มีการสอบเทียบ (calibrate) เพื่อตรวจสภาพเกลียวของรูนอตก่อนเปลี่ยนนอตใหม่ให้แนบกับแผ่นต่อเชื่อมคานทางวิ่ง (finger plate) เพื่อให้ประชาชนมั่นใจสูงสุดในการใช้บริการระบบราง
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/thumbnail_843454AC118C7234FFBD4249ADDC2AE0F6901DF7.jpg)
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ EBM กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลือง อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นคนต่อวัน ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่แรกว่า ผู้โดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนคนต่อวัน เช่นเดียวกับสายสีชมพู ผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นคนต่อวัน ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งกว่าจะถึงเป้าหมายที่วางไว้คาดว่าคงใช้เวลาอีกเป็นปี ผู้สื่อข่าวถามว่า ในปีหน้าจะครบ 2 ปีตามสัญญาสัมปทานฯ ที่ต้องปรับขึ้นค่าโดยสาร จะมีการปรับขึ้นหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตามปกติก็ต้องปฏิบัติตามสัญญา แต่ขอพิจารณาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในขณะนั้นอีกครั้ง แต่ตามปกติแล้วจะปรับขึ้นไม่มากประมาณ 1 บาท และปรับขึ้นบางสถานี.