สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่า สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของเมียนมารายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมามีคำสั่งให้ประชาชนในหมู่บ้าน 15 แห่ง รวมราว 3,500 คน ที่ตั้งอยู่รอบเมืองซิตตเว ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐยะไข่ อพยพออกจากพื้นที่ภายใน 5 วัน ซึ่งครบกำหนดแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้ย้ายไปพักพิงชั่วคราว ที่ศูนย์ในเมืองซิตตเว


ทั้งนี้ กองทัพเมียนมาและกองทัพอาระกัน (เอเอ) สู้รบกันอย่างดุเดือดต่อเนื่อง ก่อนเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 แม้ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกัน หลังเกิดการยึดอำนาจ แต่สิ้นสุดไปเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว จากการที่กองทัพเมียนมากล่าวหากองกำลังอาระกัน ว่าโจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง


ขณะที่เอเอประกาศการยึดกองบัญชาการยุทธการทหารที่ 15 ตั้งอยู่ใกล้เมืองบุติด่อง ห่างจากเมืองซิตตเว ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐยะไข่ ออกไปทางตอนเหนือประมาณ 90 กิโลเมตร เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และสามารถควบคุมตัวทหารได้หลายร้อยนาย ซึ่งยอมจำนนเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย


แม้กองทัพเมียนมายังคงยึดครองเมืองซิตตเวไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่สูญเสียอิทธิพลเหนือเมืองหลายแห่งที่อยู่โดยรอบ รวมถึงฐานประจำการอีกหลายแห่ง ที่ตั้งอยู่ตามแนวพรมแดนติดกับบังกลาเทศและอินเดีย


ปัจจุบัน การสู้รบเกิดขึ้นในอย่างน้อย 15 จากทั้งหมด 17 เขตในรัฐยะไข่ และทำให้มีผู้พลัดถิ่นจากการสู้รบระลอกนี้ เพิ่มเป็นมากกว่า 300,000 คน นอกเหนือจากการที่กองทัพเมียนมาเปิดปฏิบัติการทางทหารในรัฐยะไข่ เมื่อปี 2560 ทำให้มีชาวโรฮีนจาลี้ภัยมากกว่า 1 ล้านคน และมีการฟ้องร้องที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก ว่ากองทัพเมียนมาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์.

เครดิตภาพ : AFP