เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับไฟล์ภาพวงจรปิด หน้าสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และภาพการตรวจของกลางในเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่หายไปจากการควบคุมโดยเหตุการณ์เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร จับกุมเรือไทย 5 ลำ ลักลอบขนน้ำมันเถื่อนกว่า 3 แสนลิตร ที่อ่าวไทยก่อนประสานตำรวจน้ำ เพื่อขอฝากเรือของกลางที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ

‘บิ๊กต่าย’ ฮึ่ม! สั่งเอาผิดทั้งวินัย-อาญา หากพบ ‘ตำรวจ’ เอี่ยวรับเงินปล่อยเรือน้ำมันเถื่อน

ต่อมาวันที่ 29 มี.ค. 2567 ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และกรมศุลกากร ลงตรวจเรือของกลาง ครั้งที่ 1 และในวันที่ 17 พ.ค. 2567 ตรวจเรือของกลางครั้งที่ 2 ครั้งนี้มีการตรวจปริมาณน้ำมันเถื่อนในเรือ ผลการตรวจขณะนั้นน้ำมันอยู่ครบทั้งหมด

กระทั่งวันที่ 9 มิ.ย. 2567 มีคนส่งคลิปคลื่นลมแรงมาให้ ผู้กำกับตำรวจน้ำ และขออนุญาตให้นำเรือของกลาง ออกไปทิ้งสมอที่กลางทะเล ห่างจากจุดจอด 100 เมตร โดยให้เหตุผลว่า หากจอดอยู่ท่าเทียบเรือระหว่างคลื่นลมแรงจะทำให้เรือเสียหาย สอดคล้องกับประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ ซึ่งผู้กำกับตำรวจน้ำ อนุญาตและกำหนดให้นำเรือกลับเข้ามาที่ท่าเทียบเรือเดิมเช้าวันที่ 10 มิ.ย.

โดยในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจดูผ่านกล้องวงจรปิด ยังพบว่าเรือซึ่งเป็นของกลางที่บรรทุกน้ำมัน ยังคงจอดลอยลำอยู่จนถึงเวลา 19.00 น.ของวันที่ 11 มิ.ย. แต่เวลา 20.10 น. ของวันที่ 11 มิ.ย. กลับตรวจพบว่า ไฟจากลำเรือทั้ง 3 ลำ หมุนเปลี่ยนทิศทาง และถอยห่างออกไปกลางทะเลเรื่อยๆ จนหายไป โดยใช้เวลาประมาณ 1 นาที กระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวดังกล่าว